Christian Ander ผู้ก่อตั้ง BTCX ชาวสวีเดนและเป็นผู้นำคนปัจจุบันของ Altpocket กล่าวว่าตอนนี้เขาได้หันมาใช้แผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนการขุด crypto ของเขาอย่างมีนัยสำคัญ
กระบวนการขุด cryptocurrencies ที่ใช้ระบบ Proof-of-Work นั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก และจากการประมาณการเมื่อเร็ว ๆ นี้ นักขุด Bitcoin เพียงคนเดียวต้องใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 61.5 TWh ต่อปี
#Bitcoin's average #energy consumption per transaction is now 415 KWh. That's as much as 250,000 VISA transactions, or two weeks(!!!) of electricity for an average US household. https://t.co/3rbPhSikdD #MakeBitcoinSustainable pic.twitter.com/M5JvlzAsjE
— Digiconomist (@DigiEconomist) January 24, 2018
Christian Ander กล่าวว่าการขุด Bitcoin ทำให้เขาต้องหันไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน “‘การขุด Bitcoin บังคับให้ผมต้องหันไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ผมเพิ่งติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อให้เครื่องขุดสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน นอกจากจะช่วยให้บ้านไม่ร้อนจนเกินไปแล้ว แต่ผมยังลดต้นทุนการขุดลงได้ถึง 75% จากค่า grid-transfer และภาษี”
Bitcoin mining is forcing me to go solar power. I just installed solar panels to run my miners during the day. Not only does my house get heated but I cut the mining cost by 75%. Why? It’s not just the cheapest form of energy, but I get rid of the grid-transfer cost and tax (=75%!) from Bitcoin
บริษัท อีกแห่งหนึ่งคือ Iberdrola ซึ่งเป็นบริษัทระบบไฟฟ้าสาธารณะของสเปน ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Bilbao ประกาศว่าพวกเขาจะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี blockchain เพื่อรับประกันว่าพลังงานที่จัดหาให้แก่ผู้บริโภคนั้นสามารถนำกลับมาใช้ได้ 100%
“เทคโนโลยีเพื่อโลกที่ดีกว่า!” พวกเขากล่าว “เราใช้ blockchain เพื่อให้แน่ใจว่าพลังงานที่มาถึงบ้านของคุณสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้”
ที่มา : LINK