ที่งานประชุม cryptocurrency ที่ผ่านมา Vitalik Buterin ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการอัปเกรดระบบ ของ Ethereum ว่าจะมี “เป้าหมายของปริมาณการทำธุรกรรมหรือไม่” แต่เขากลับตอบว่าโครงการใดๆที่ใช้อัลกอริธึมเพื่อให้ได้อัตราการทำธุรกรรมที่สูงอย่างไร้เหตุผลอย่างเช่น TRON , EOS หรือ NEO นั้นล้วนเป็น “ที่รวมของกองขยะ”
“ผมสังเกตเห็นความเข้าใจผิดในที่นี่มากมาย เพราะชอบมีโปรเจ็กต์ Crypto แย่ๆ ที่พยายามอวดอ้างว่า โอ้ว ดูสิ เราสามารถทำธุรกรรมได้ถึง 5,000 รายการต่อวินาที ขณะที่ proof-of-work ทำได้เพียง 15 เท่านั้น”
Buterin ให้เหตุผลว่า consensus เป็นสิ่งสำคัญหากเราพูดถึงความสามารถของ blockchain ในการประมวลผลธุรกรรม เขากล่าวต่อว่า
“มีความเข้าใจผิดที่น่ากลัวมากมาย เพราะวัตถุประสงค์ของอัลกอริทึม consensus ไม่ใช่ทำให้ blockchain เร็วขึ้น แต่คือเพื่อให้ blockchain นั้นปลอดภัยด้วยวิธีการทำงานของ proof-of-work มันจะไม่ปลอดภัยหากคอมพิวเตอร์ใช้เวลามากกว่า 10% ในการขุดและตรวจสอบบล็อค Bitcoin-NG หรือสิ่งต่าง ๆในรูปแบบของ proof-of-stake มันอาจจะปลอดภัย ถ้าคุณไปได้สูงกว่า 10% แต่ความแตกต่างก็แทบน้อยมากๆ”
แพลตฟอร์ม SMART CONTRACT อื่นๆก็แค่ที่รวมของกองขยะ
“เมื่อมีโครงการบล็อกเชนอ้างว่าเราสามารถทำได้ 3,500 TPS เนื่องจากเราใช้อัลกอริทึมที่แตกต่าง แต่สิ่งที่เราหมายถึงจริงๆคือ เราคือที่รวมของกองขยะเพราะเรามีเพียง 7 โหนดเท่านั้นที่กำลังทำงาน”
คำพูดดังกล่าวข้างต้นดูเหมือนจะเป็นการระบุไปที่ NEO เนื่องจากตอนนี้มีเพียง 7 consensus โหนดเท่านั้นที่กำลังทำงานอยู่ Buterin กล่าวว่าปัญหาหนึ่งที่ Ethereum สามารถแก้ไขได้คือความล่าช้า เวลาที่ใช้ในการ consensus บนเครือข่าย เราอาจจะปรับจากต้องรอหนึ่งนาทีเพื่อให้ได้ระดับความปลอดภัยระดับกลาง ให้เหลือเพียง 6 วินาที
Ethereum scaling กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงในช่วงที่ICO บูมตั้งแต่ปี 2017และต้นปี 2018 ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมพุ่งสูงขึ้น และความล่าช้าในช่วงที่มีการซื้อ ICO ต่าง ๆ คำถามผุดขึ้นว่าเครือข่าย Ethereum จริงๆแล้วสามารถรับมือกับปริมาณการเพิ่มขึ้นของธุรกรรมที่มาจาก ICO ต่างๆได้หรือไม่ การแก้ปัญหา scaling เช่น Raiden พัฒนาไปถึงขั้นไหน
ที่มา : LINK