ย้อนกลับไปในตอนที่ผู้คนเริ่มหันมาสนใจเรียนรู้วิธีสร้าง cryptocurrencies แบบ ฉีกซอง ต้มน้ำ รอ 3 นาทีละกินได้เลย สิ่งที่ตามมาจากเหตุการณ์นี้คือการหลอกลวงจำนวนมากเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตามที่ Chainalysis บริษัทที่เฝ้าระวังทางด้าน blockchain รายงานว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาการทุจริตในระบบเครือข่ายของ Ethereum นั้นมีการใช้งานอย่างแพร่หลายและเป็น “ตัวเลือกแรกๆสำหรับการหลอกลวง” ด้วยเหตุผลหลายประการ
Scammers แห่กันไปที่ Ethereum Blockchain
Chainalysis ได้ตรวจสอบและเผยแพร่รายงานหัวข้อ “แนวโน้มอาชญากรรมใน crypto” อธิบายว่า Ethereum (ETH) กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆสำหรับการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับ crypto
“ตั้งแต่ปลายปี 2016 จนถึงสิ้นปี 2018 มีโครงการหลอกลวงกว่า 2,000 โครงการบน Ethereum และได้รับเงินจากผู้นักลงทุนเกือบ 40,000 ราย – มีโครงการหลอกลวงเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2018 ถึงเกือบ 75% ในปีนั้น” Chainalysis อธิบาย
มีการแบ่งโครงการหลอกลวงออกเป็น 4 ประเภทได้แก่ การโกงแบบปิดหนีทันทีเมื่อได้เงิน , ICO exit scam , โครงการ Ponzi และการฟิชชิ่ง
“ณ ตอนนี้ การดำเนินโครงการหลอกลวง Ponzi และ ICO ที่จ้องจะหอบเงินหนี มีความเนียนให้จับได้ยากมากขึ้น ซึ่งสร้างรายได้ให้กับมันหลายล้านดอลลาร์
Chainalysis ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่เฝ้าดูเครือข่าย Ethereum สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง ในความเป็นจริงเว็บไซต์Etherscamdb.info ก็แสดงรายการถึงการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับ ETH โดยบันทึกโครงการหลอกลวงได้ทั้งสิ้น 6,378 โครงการ
Etherscam ได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้มากมาย เช่น เว็บไซต์ My Ether Wallet (MEW) ปลอม , ICO ที่ exit scams ต่างๆ , โครงการ Ponzi เช่น Fomo 3D และ Powh 3D
แม้ว่าจะมีการหลอกลวงจำนวนมากในเครือข่าย Ethereum แต่ก็มีหลายวิธีที่ผู้ใช้สามารถป้องกันตนเองได้ เช่นหันมาใช้กระเป๋า Hardware wallet , การทำบุ๊กมาร์กเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency , หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่ดูไม่น่าเชื่อถือและอ้างว่าจะแจกของรางวัลนู่นนี่เพียงแค่ลงทะเบียน , เลือกลงทุน ICO จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Binance launchpad
ที่มา : LINK