ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยเทคโนโลยีในโลกยุคปัจจุบันสามารถสร้างความสะดวกสบายให้กับมนุษยชาติได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีเกี่ยวกับบล็อกเชน สกุลเงินดิจิทัล รวมไปถึงการพัฒนา AI ที่สามารถตัดสินใจหรือดำเนินการหลาย ๆ อย่างแทนมนุษย์ได้ ทำให้การใช้ชีวิตคนในโลกยุคปัจจบันเปลี่ยนไปอย่างมาก เรามาดู 5 สิ่งที่คาดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราหลังจากโลกรู้จักกับเทคโนโลยีบล็อกเชน
1. ซัพพลายเชน
การมาของอินเตอร์เน็ตและระบบการจัดการที่ดีมาก ทำให้คนยุคปัจจุบันหันมาช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น แน่นอนด้วยความสะดวกของผู้บริโภคนี้ย่อมตามมาด้วยการลดจำนวนพนักงานในบางบริการลง แต่บริการอย่างเช่นการส่งของนั้นกลับต้องการกำลังคนจำนวนมาก เนื่องจากต้องทำเวลาเพื่อให้ทันใจผู้บริโภคที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้มากเท่าใดนัก เพราะว่ามีการพัฒนาระบบขนส่งโดยใช้หุ่นยนต์ที่สั่งการและสื่อสารกันได้โดย smart contract อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะมีการค่าจัดการน้อยกว่าการจ้างพนักงานที่เป็นมนุษย์อยู่ระดับหนึ่งเลยทีเดียว
และด้วยการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ณ ปัจจุบัน AI สามารถตัดสินใจหลาย ๆ สิ่งแทนมนุษย์ได้ เช่น ตู้เย็นอัจฉริยะที่สามารถทราบได้ว่าอาหารสดใด ๆ ที่แช่อยู่ในตู้เย็นนั้นได้หมดไปแล้ว จากนั้นจะทำการสั่งสินค้า โดยสามารถตัดสินใจแทนเราได้หากการสินค้าที่มีอยู่ไม่ตรงตามที่เราเคยซื้อ และจะเลือกในระดับราคาที่ถูกกว่าได้อีกด้วย และสุดท้ายทำการจ่ายเงินโดยสกุลเงินดิจิทัลที่ระบบรองรับอยู่ ถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำที่ทำให้ชีวิตมนุษย์ง่ายขึ้น พูดอีกนัยหนึ่งก็คือสามารถประหยัดเวลาที่ต้องเสียไปกับการเดือนช็อปปิ้งที่ห้างได้มากโขเลยทีเดียว
2. แหล่งที่มาของสินค้า
เนื่องด้วยปัจจุบันผู้บริโภคฉลาดเลือกมายิ่งขึ้น หากสิ่งที่ส่งถึงมือผู้บริโภคไม่ได้เป็นแหล่งที่มาตามที่เขียนไว้ข้างกล่องหรือคุณภาพไม่ได้ตามที่โฆษณาแล้วล่ะก็ อาจจะเกิดดราม่าได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถช่วยเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเทคโนโลยีบล็อกเชนจะทำการบันทึกค่าต่าง ๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในภายหลัง ทำให้สามารถติดตามที่มาของผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำในทุก ๆ ขั้นตอนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ เมืองหรือประเทศที่ทำการผลิต รวมไปถึงบอกได้ว่าสินค้าที่ส่งถึงมือผู้บริโภคนั้นผ่านมาตรฐานแรงงานหรือมาตรฐานอื่น ๆ มาหรือไม่
3. การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
ในยุคก่อน ๆ ผู้ผลิตและผู้ให้บริการไม่สามารถคาดเดาการพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วได้เลย ด้วยเหตุผลนี้อาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนหรือการผลิตเกินความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการลงทุนสร้างโรงงานด้วยจำนวนเงินที่มาก สุดท้ายเมื่อความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทำให้สิ่งปลูกสร้างนี้ไม่สามารถที่สร้างเม็ดเงินได้ต่อ ทำให้ถูกทิ้งร้าง กลายเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความล้มเหลว
แต่ด้วยเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่ฉลาดมากขึ้น สามารถบันทึกและทำการวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริโภค และสามารถส่งข้อมูลเหล่านี้จากอุปกรณ์หนึ่งไปสู่อีกอุปกรณ์หนึ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้สามารถทราบได้ในแทบจะทันทีว่ากระแสการบริโภคของผู้บริโภคยุคปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางไหน และสามารถวางแผนได้ทันว่าจะปรับตัวให้เข้ากับความต้องการได้อย่างไร
4. การตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม
ด้วยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีทำให้สามารถสร้างหุ่นยนต์ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพของน้ำและอากาศในทั่วทุกมุมโลกได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคปัจจุบัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มนุษยชาติดำรงค์เผ่าพันธุ์ต่อไปได้
โดรนอิสระที่เชื่อมต่อกับบล็อกเชนได้รับการสอนให้นำตัวอย่างน้ำจากอ่างเก็บน้ำ และทำการวัดสารประกอบทางเคมีต่าง ๆ เพื่อยืนยันถึงความปลอดภัยของแหล่งน้ำนั้น ๆ และสามารถส่งข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุมผ่านระบบ 4G เพื่อข้อมูลออกสู่สาธารณะและเชื่อมต่อกับข้อตกลงบางอย่างใน smart contract
หนึ่งในโครงการที่ได้รับการทดสอบเมื่อเร็ว ๆ นี้ใช้เซ็นเซอร์น้ำของ Libelium ร่วมกับเครือข่าย Robonomics ที่สร้างขึ้นโดยนักพัฒนาที่เชี่ยวชาญในเมืองอัจฉริยะและอุตสาหกรรม 4.0 โดยโดรนที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์และที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ สามารถวัดอุณหภูมิของน้ำ, ค่า pH, ออกซิเจนที่ละลายในน้ำ, การนำไฟฟ้า, NH4 + และ NO3- ไอออนได้
นอกเหนือจากนี้ยังมีโดรนอีกกลุ่มที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือนักสิ่งแวดล้อมและบริการด้านการฉุกเฉินอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่จะเฝ้าระวังในเรื่องของอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า, การลักลอบตัดไม้ที่ผิดกฎหมาย, การบุกรุกและการใช้สอยที่ดินที่ไม่ได้รับอนุญาต
การรวมกันของบล็อกเชน, หุ่นยนต์และ IoT ช่วยให้โดรนมีอิสระในการสื่อสารกับผู้คนและให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ซึ่งช่วยให้คนและเครื่องจักรสามารถสื่อสารและเข้าถึง “ข้อตกลงอัจฉริยะ (smart agreements)” ได้โดยปราศจากคนกลาง
5. การเปิดตลาดใหม่
โดยปกติแล้วตลาดจะถูกผูกขาดโดยบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในสายงานของพวกเขา แต่การมาของเทคโนโลยีบล็อกเชน ช่วยให้ผู้ประกอบรายย่อยต่าง ๆ ได้มีบทบาทมากขึ้นในรูปแบบของดิจิทัล ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ carbon units ที่เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่ตรวจจับคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโดยองค์กรที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ แต่ด้วยกระบวนการแบบเดิมทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือสิ่งต่าง ๆ ได้ค่อนข้างช้า หลังจากการมาของเทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้พวกเขาแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นี่คือการเปิดตลาดเมืองสีเขียวสำหรับประเทศ, ธุรกิจและบุคคลทั่วไป เพื่อส่งบันทึการปล่อยมลพิษกลับมาให้กับพวกเขา
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือเทคโนโลยีบล็อกเชนและคุณค่าที่ได้จากสร้างตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง (decentralized market) เพื่อการส่งถ่ายข้อมูล, การสร้างอุปกรณ์และบริการต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถสื่อสารกับหุ่นยนต์ได้โดยตรง ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มเวลาในชีวิตประจำวันของมนุษย์ยุคใหม่ได้เป็นอย่างมาก รวมถึงการเปิดกว้างของตลาดที่ผูกขาดสำหรับองค์กรระดับใหญ่ในอดีต ให้กระจายไปถึงผู้ประกอบการเล็ก ๆ และบุคคลทั่วไปได้มากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
ขอบคุณ CryptoGlobe