ผ่านไปแล้วกับงาน Bitcoin Addict Meetup เมื่อวันเสาร์ที่ 19 มกราคม 2019 กับหัวข้อ “STO จะรุ่งหรือจะร่วง” ที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ และความสนุก (และของกิน) เหมือนเดิม ภายในงานก็มีการอัพเดทข่าวสารรายเดือนในวงการคริปโต รวมถึงมีวิทยากรจาก SET มาให้ความรู้เกี่ยวกับมุมมองต่อ STO ของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมไปถึงของรางวัลติดไม้ติดมือเป็นเหรียญ ETH กลับบ้านไปด้วย บรรยากาศและเนื้อหาภายในงานจะเป็นอย่างไง เชิญติดตามได้จากบทความนี้เลยครับ
STO จะมาปฏิวัติตลาดทุนได้จริงหรือไม่
เริ่มกันที่หัวข้อแรกภายในงาน โดยคุณอัครเดช เดี่ยวพานิชหรือ Coinman ของเรานั่นเอง ซึ่งจะมาปูพื้นให้เราได้ทำความรู้จักกับ STO มากขึ้นว่ามันสำคัญอย่างไร ซึ่งผมจะขอสรุปเป็นสาระสำคัญดังนี้
security token คือเหรียญที่สร้างขึ้นเพื่อใช้แทนหุ้น การจ่ายเงินปันผล หรือสิทธิในการโหวตในบริษัท หรืออาจใช้เหรียญแทนสิ่งที่มีค่าต่างๆ เช่น ทอง หรืออสังหาริมทรัพย์เช่น ที่ดิน การซื้อกองทุนต่างประเทศ
ตามความเข้าใจของคนทั่วไป ICO คือการระดมทุนด้วยเหรียญ ส่วน STO คือการขายเหรียญที่เป็น securitized token เท่านั้น ซึ่งเรามักเข้าใจผิดกันว่า STO จะมาฆ่า ICO แต่ถ้าเรามองตามนิยามจริงๆแล้ว STO ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ICO เท่านั้น อยู่ที่คนจะเรียก Coin หรือเหรียญนั้นๆว่ามันคืออะไร
“ไอเดียในการระดมทุนแบบ STO หรือการเปลี่ยนทรัพย์สินหรือเปลี่ยนสิทธิประโยชน์บางอย่างเป็นเหรียญ มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราย้อนไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะได้เห็นไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน จะใช้เทคโนโลยีตรงนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และประเทศไทยอยู่ในจุดที่สามารถจะเป็นผู้นำในด้านนี้ได้อยู่แล้ว”
มุมมองของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเรื่อง STO
จากที่เคยมีรายงานข่าวว่าตลาดหุ้นในบ้านเรา เริ่มสนใจในตลาด cryptocurrency จนถึงเริ่มที่จะวางแผนขอใบอนุญาตกับทาง ก.ล.ต.แล้วนั้น คุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ – Prinn Panitchpakdi กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีแอลเอสเอ จะมาอธิบายถึงมุมมองของตลาดหลักทรัพย์จะเป็นยังไงบ้าง กับเรื่องของ STO
โดยทางคุณปริญญ์ เริ่มต้นด้วยการยืนยันว่า ข่าวที่ออกไปว่าตลาดหลักทรัพย์เตรียมจะยื่นขอใบอนุญาตซื้อขาย Crypto กับทาง ก.ต.ล. นั้น ยังไม่มีการดำเนินอะไรเป็นทางการในตอนนี้
ในมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ถ้ามองไปในเรื่องที่จะทำ STO หรือจะทำแพลมฟอร์มใหม่ต่อจากนี้ ในแง่ของการสร้างความปลอดภัยต้องมาก่อนและเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ส่วนตัวมุมมองของ STO กับตลาดหลักทรัพย์นั้น เรายังไม่ได้รีบร้อนมากเท่ากับการสร้างของดีให้เข้ามา สร้างระบบให้พร้อมเรื่อง Cyber security ระบบเทรดดิ้งให้พร้อม ระบบ digital custodians หรือ ระบบฝากสินทรัพย์ดิจิทัล ให้พร้อมก่อน
Panel Discussion
ในช่วงของการ Discussion ในหัวข้อ STO จะรุ่งหรือจะร่วง เราได้วิทยากรผู้มีความรู้ทั้ง 4 ท่านมาร่วมพูดคุยได้แก่
- คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย)
- คุณอาจารีย์ ศุภพิโรจน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงาน ก.ล.ต.
- คุณสกลกรย์ สระกวี Chairman of Bitkub
- คุณพลากร ยอดชมญาณ Founder of Katinrun, CEO of KULAP
นอกจากจะได้แชร์มุมมองกันแล้วยังได้ความรู้อีกมากมายที่มั่นใจได้เลยว่าหลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน โดยเริ่มกันที่คำถามแรกคือ
– บทบาทของตลาดหลักทรัพย์จะเป็นอย่างไร ถ้ามี Exchange ในประเทศไทยลิสต์เหรียญ STO ของไทยเข้ามา ซึ่งคุณปริญญ์ก็ได้ตอบว่า “จริงๆแล้วตลาดหลักทรัพย์ก็ศึกษาเรื่องนี้มานานหลายปีพอสมควร ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมาก ถ้าบริษัทจากไทยอยากจะทำ STO ถ้าก.ล.ต. ให้ทำได้แล้วซึ่งจริงๆก็มีกรอบอยู่แล้วเพราะฉะนั้นถ้ามีกฏเกณ์ และคุณภาพดี ก็อยากจะเชียร์ให้ทำ อยากเห็นการแข่งขันที่ดี และตลาดหลักทรัพย์จะได้ขยันมากขึ้นไปด้วย”
– ในมุมมองของ ก.ล.ต. มีมุมมองต่อ STO ยังไง และความพร้อมของไทยไปถึงขั้นไหน โดยทางคุณอาจารีย์ ตัวแทนจาก ก.ล.ต. ตอบว่า “จริงๆเรื่องนี้ ก.ล.ต. กำลังดูอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักเลยก็ว่าได้ ซึ่งเดี๋ยววันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ติดตามได้ทาง Facebook สำนักงาน ก.ล.ต. จะมีการแถลงรายละเอียดในเรื่องนี้อีกครั้ง โดยเราเชื่อว่า STO จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในฝั่งตลาดทุนและฝั่งตลาดหลักทรัพย์ได้แน่นอน และยังช่วยในเรื่องความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยอีกด้วย ส่วนอะไรที่ยังเป็นจุดติดขัด เราก็จะเข้าไปแก้อย่างเต็มที่”
– ในมุมมองของ Exchange มีมุมมองต่อ STO อย่างไร โดยทาง คุณสกลกรย์ เจ้าของเว็บ Exchange Bitkub ตอบว่า “อยากขอบคุณ ก.ล.ต. ในบ้านเราที่มีความทันสมัยและเอามาปรับใช้ในประเทศไทยได้รวดเร็วกว่าที่อื่น โดยหากเทียบกับต่างประเทศที่ยังไม่ค่อยพูดถึง STO มากนัก ในส่วนของมุมมองของ STO ผมคิดว่ามันจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดทุนในประเทศไทย เมื่อก่อนเวลาเราจะเลือกลงทุนโปรเจคใดซักตัวนึงเราแทบจะไม่มองดูความจริงเลย ว่ามันทำได้จริงรึเปล่า แต่พอมาเป็น STO มันจะเริ่มเข้ามาสู่ความเป็นจริงมากขึ้น เราสามารถที่แปลงสินทรัพย์หลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นทอง คอนโด สามารถเอามาเทรดได้ในรูปแบบของ Token ดังนั้นในมุมมองของ Exchange เราสามารถที่จะรองรับตลาดในอนาคตได้ทันท่วงทีก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
– ในแง่ของเทคโนโลยี การทำ STO แตกต่างจากการ ICO มากแค่ไหน โดยคุณพลากร ตอบว่า “ตอนเขียน Smart contact ของ ICO ใช้การ Coding ประมาณ 200 กว่าบรรทัด แต่พอมาเป็น STO จะเขียนร่างสัญญาของ Code ประมาณ 2000 กว่าบรรทัด ซึ่งแตกต่างกับ ICO ประมาณ 10 เท่า
– STO มีโอกาสที่จะเกิด Pump & Dump ขึ้นได้ ในส่วนของ Exchange เอง ก็ต้องพยายามเลือกเหรียญที่มีคุณภาพหรือไม่เกี่ยวข้องกับ Scam หรือมีการปั่นราคา สำคัญคือตอนระดมทุน STO โปรเจคจะต้องถูกการคัดกรองมาอย่างดีก่อน
– หาก DEX หรือ decentralized exchange ต้องการจะลิสต์เหรียญ STO ทาง ก.ล.ต. จะป้องกันอย่างไร ซึ่งกลไกในปัจจุบันจริงๆแล้วยังกำกับดูแลได้ยากอยู่ โดยอาจจะต้องใช้ Tool เสริมอื่นๆมาช่วยแจ้งเตือนให้ผู้ลงทุนเข้าใจและทางคุณพลากรก็เสริมว่า จริงๆแล้ว STO นั้นมีโมดูลที่ถูกระบุว่าการรับหรือส่งให้ใคร แอดเดรสนั้นหรือที่อยู่กระเป๋านั้นจะต้องมีการระบุตัวตนหรือ KYC ด้วยนั่นเอง
– ในเรื่องของการเสียภาษี STO จริงๆแล้ว Standard จริงๆควรจะเก็บแบบเดียวกับตลาดหุ้น คือเสียแค่ภาษีปันผล เพราะถ้าเราทำให้เกิดการแข่งขัน ให้เกิดนวัตกรรมมากขึ้น กลไกทางด้านภาษีก็ควรจะเข้ามาช่วยบ้าง ซึ่งตรงนี้เรามีสิทธิในการเป็นศูนย์กลางของตลาด STO ได้ ถ้าเราเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเสรี
หลังจากนั้นเป็นการถกกันในเรื่องของอนาคตของ STO โดยจริงๆแล้วตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าตกลงแล้วจะเป็น Standard แบบไหน หรือเค้าทำอะไรยังไง ซึ่งในส่วน Exchange เองก็ต้องปรับตัวให้ทัน ในปีนี้หรือปีหน้า น่าจะยังอยู่ในส่วนของการ Development เป็นส่วนใหญ่ คงยังไม่เห็นโปรเจค STO ที่ออกมาแล้วทำให้เราสนใจ หรืออยากจะลงทุน บางทีอาจต้องใช้เวลา 2 ถึง 3 ปีด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เองทางกฎหมายก็ยังไม่มีความชัดเจน หรือทาง ก.ล.ต. จะมีแผนรองรับตรงนี้อย่างไร ซึ่งในส่วนนี้ทาง ก.ล.ต. จะมีการประกาศในวันที่ 22 มกรา อีกครั้งหนึ่ง
โดยสรุปแล้วหัวข้อในครั้งนี้ STO จะรุ่งหรือจะร่วง เราก็ได้ข้อสรุปจากทั้งวิทยากรทั้ง 4 ท่านว่า “รุ่ง” แน่นอนครับผม
Game ร่วมสนุก
ปิดท้ายด้วยการเล่นเกมส์ตอบคำถามเพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 3.2 ETH ซึ่งก็เป็นที่สนุกสนานของผู้เข้าร่วมทุกท่าน มีการเตะตัดขากัน ให้คนอื่นตอบผิดด้วย (ล้อเล่นนะครับ) ซึ่งโฉมหน้าผู้ได้รางวัลที่ 1 ของเราคือคุณพี่ในรูปด้านล่างท่านนี้นั่นเอง
ก็จบกันไปนะครับกับ Bitcoin Addict Meetup ตอน STO จะรุ่งหรือจะร่วง ที่ได้ทั้ง ความรู้ ความสนุก และของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้านกันไป และต้องขอขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่สละเวลามาบรรยายให้ความรู้กับเรา รวมถึงผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย งานครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยถ้าขาดเพื่อนๆที่คอยสนับสนุนทุกคน และไว้พบกันใหม่งานหน้านะครับ