Cortex เปิดตัว blockchain บน TestNet ที่มีการผสมผสานเทคโนโลยี AI เจ้าแรกของโลก

0
521

Smart Contract ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดที่คอยขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังวงการ Blockchain ซึ่งมีแนวคิดที่ต้องการทำให้การทำสัญญา การยืนยันตัวตนหรืออื่น ๆ ให้ง่ายขึ้น โดยทำงานอยู่บนโหนด (node) จำนวนมากที่อยู่ใน Blockchain อย่างไรก็ตามโปรโตคอลของ Smart Contract ที่ใช้กันในปัจจุบันนี้ยังไม่ใช่รูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการประมวลผลที่จำกัดและการจัดการที่ไม่สมบูรณ์

ในความเป็นจริงแล้ว ความเรียบง่ายของ Smart Contract นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างของมันอาจจะส่งผลที่ไม่ดี ต่อแอพพลิเคชั่นบน Blockchain หากไม่ได้รับการเพิ่มขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง คงยากที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ได้ในชีวิตจริงได้

จากปัญหานี้ทำให้มีการค้นหาแนวทางต่าง ๆ ออกมามากมาย จนเจอว่าการรวม AI เข้ากับ Blockchain และนำไปใช้กับ Smart Contract เป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพสูงมาก

Cortex เป็น Blockchain สาธารณะแบบกระจายอำนาจ (Decentralized) เจ้าแรกที่ทำให้ AI สามารถทำงานอยู่ใน Blockchain และสามารถตั้งโปรแกรมใน Smart Contract ได้

Cortex เป็นโครงการแรกที่นำ AI มาประยุกต์ใช้กับวงการ Blockchain ซึ่งถือได้ว่า AI smart contract เป็นหัวใจสำคัญที่ขาดหายไปของหลาย ๆ โครงการในปัจจุบัน และยิ่งไปกว่านั้นโมเดล AI จะถูกทำให้ใช้ในระบอบประชาธิปไตย ทำให้ผู้คนสามารถควบคุมข้อมูลของตนเอง และช่วยให้สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ ๆ ได้

ความคืบหน้าในการพัฒนา

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทีมงาน Cortex ได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อการเปิดตัวระบบบน TestNet ซึ่งได้ทำการทดสอบการอัปโหลดโมเดล, ความเข้ากันได้ของ AI, ชั้นเก็บข้อมูล (สำหรับจัดเก็บโมเดล), การเขียน AI smart contract, การขุดโดยใช้ GPU แบบ standalone และการขุดแบบ full node โดยใช้ CPU, Consensus PoW ที่ใช้ Cuckoo Cycle และการใช้งานกับ wallet เป็นต้น และในสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา Cortex ได้โฟกัสไปที่การทำเหมืองและ block explorer ที่มีชื่อว่า “Cerebro” และการทำงานร่วมกับโปรโตคอลหลัก

วันนี้ทีมงานของ Cortex มีความภูมิใจที่จะทำการประกาศประกาศความคืบหน้าของ mining TestNet ที่มีโค้ดเนมว่า “Bernard” และ AI smart contract TestNet โค้ดเนม “Dolores” Beta 1 ซึ่ง Bernard เป็นหุ่นยนต์ AI ที่สร้างขึ้นโดย Robert Ford ผู้ก่อตั้ง Westworld ที่ได้รับความช่วยเหลือจาก Dolores หุ่นยนต์ AI รุ่นแรก ซึ่งจำลองมาจาก Arnold ผู้ก่อตั้งผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

เรามีแผนที่จะเปิดตัว Dolores Beta ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2019

ถือได้ว่า Bernard และ Dolores TestNet นั้นเป็นก้าวสำคัญของวงการ เนื่องจากเป็นครั้งแรกสามารถทำให้ AI ทำงานบน Blockchain ได้ โดย Cortex เลือกที่จะเปิดเผย source code บางส่วนเพื่อป้องกันการคัดลอกจากโครงการอื่น ๆ และเมื่อไหร่ที่การพัฒนา main chain เสร็จสิ้น จะเปิดเป็น open source แบบเต็มรูปแบบบน Blockchain

การเปิดตัว TestNet

1. Cerebro Block Explorer และ กระเป๋า Cortex Wallet

Block explorer คือ browser สำหรับ blockchain ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกันกับ Google Chrome ในการค้นหาหน้าเว็บ ที่จะทำการแสดงถึงข้อมูลของ individual block และธุรกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงประวัติของธุรกรรมและยอดเงินคงเหลือของ address เหล่านั้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินในการใช้งานเป็นอย่างมาก

นอกเหนือจากความสามารถข้างต้นแล้วนั้น ความสามารถที่สำคัญและปฏิวัติวงการของ Cerebro คือ เพิ่มรูปแบบ AI เข้าไป รวมถึงมีการทำ data upload และ AI inference ซึ่งในความเป็นจริงมี AI ถึงสองตัวที่ถูกใส่ลงไปใน chain เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมี AI smart contract ที่ทำหน้าที่คอยเรียกข้อมูลจากโมเดลต่าง ๆ ใน chain ในส่วนของ Cortex wallet นั้นจำเป็นต้องติดตั้งลงใน Cerebro browser จึงจะสามารถใช้งานได้

ลิงค์ Cerebro Block Explorer : https://cerebro.cortexlabs.ai/

ลิงค์ดาวน์โหลด Cortex Wallet : https://github.com/CortexFoundation/Cortex_Release/

1

2. Cortex Full Node

เราได้ทำการกระจาย 10 full node ไปยัง 6 ประเทศ และจะมีมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ สถานที่ที่เราได้ทำการกระจายไปมีดังนี้

  • ปักกิ่ง ประเทศจีน
  • เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
  • ฮ่องกง ประเทศจีน
  • ซิลิคอน แวลลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ลอส แอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมันนี
  • ลอนดอน สหราชอาณาจักร
  • โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
  • ประเทศสิงคโปร์

Full node บน TestNet ของ Cortex จะสร้างการบันทึก ที่แสดงขั้นตอนการทำงานของ AI smart contract, การเรียกใช้โมเดล AI และข้อมูล รวมถึงผลการ inference อื่น ๆ

สำหรับผู้ที่ต้องการเป็น host ของ node สามารถกดตรงนี้ได้เลย

2

3. Consensus Mechanism

Cortex เชื่อในเรื่องของ one-machine-one-vote เพราะสามารถทำให้ผู้คนเข้าร่วมได้อย่างเท่าเทียมกันใน blockchain consensus และอัลกอริธึม Cuckoo Cycle ได้รับเลือกให้เป็น consensus mechanism ที่ทำให้ฮาร์ดแวร์สามารถทำการขุดเหมืองได้ 

อัตราการบล็อกปัจจุบันคือ 15 วินาทีต่อบล็อกและรางวัลคือ 9 CTXC ต่อบล็อก เมื่อพิจารณาถึงลักษณะของกลไก PoW และการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ ในอุตสาหกรรมการขุดเหมืองของ ASIC ปัจจุบัน อัลกอริธึม PoW อาจถูกแทนที่ได้ตามความเหมาะสม ก่อนที่ mainnet จะเริ่มใช้งานได้

4. เหมืองขุด และ ซอฟต์แวร์การทำเหมือง

นักขุดสามารถเชื่อมต่อเครื่องขุดของตนเองเข้ากับเหมืองขุดของ Cortex ได้ และกำหนดค่าพารามิเตอร์ (parameter) เพื่อเปิดใช้งานการทำเหมืองผ่าน Cortex นอกจากนี้นักขุดยังสามารถตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ได้ อาทิเช่น กำลังการประมวลผลและค่าความยากได้ในการขุด และ Cortex ได้ทำการพัฒนาซอฟต์แวร์การทำเหมืองสำหรับการพัฒนาบน GPU ที่สามารถตั้งค่าที่อยู่ของเหมือง wallet และเชื่อมต่อกับเหมืองของ Cortex เพื่อทดสอบการขุดได้โดยตรง

ลิงค์เหมืองขุด : https://pool.cortexlabs.ai/

Address ของเหมืองขุด : miner.cortexlabs.ai:8009/

ลิงค์ดาวน์โหลดซอฟท์แวร์การทำเหมือง : https://github.com/CortexFoundation/Cortex_Release/

3

5. AI Smart Contract

การเขียน smart contract นั้นสามารถเขียนผ่าน Solidity ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้สำหรับนักพัฒนา Ethereum ส่วนทางด้าน CVM ของ Cortex ก็สามารถทำงานร่วมกับ EVM ได้เช่นกัน นอกจากนี้นักพัฒนาสามารถใช้ Remix เพื่อเขียน AI smart contract ได้อีกด้วย และ Cortex ยังอนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถอัปโหลดโมเดลได้ด้วยเช่นกัน หากคุณต้องการอัพโหลดโมเดลของคุณโปรดติดต่อเราที่ testnet@cortexlab.ai ซึ่ง Cortex จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะอนุญาตให้อัพโหลดขึ้นไปได้

ลิงค์ Remix Editor : https://cerebro.cortexlabs.ai/remix/

4

6. Synapse : การกำหนดค่า AI Inference

Cortex ได้นำเสนอ “Synapse” เป็นเครื่องมือที่ทำการประมวลผลเรื่อง AI inference ซึ่งการันตีว่าผลลัพท์ที่ได้นั้นจะเหมือนกับการประมวลผลด้วย AI ในสภาพแวดล้อมการประมวลผลแบบ heterogenetic (heterogenetic computing environments) และได้มีการปรับแต่งให้มีขนาดที่เล็กลงและกำหนดความเร็วของ GPU ใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานของ AI DApp

7. การย่อขนาด & การบีบอัด

เทคโนโลยีควอนตัมที่มีประสิทธิภาพสูงเมื่อนำมาผสมรวมกับสิ่งที่มีขนาดเล็กและเบา จะช่วยให้สามารถลดต้นทุนในการคำนวนและหน่วยความจำได้ ซึ่งเมื่อนำมารวมกับ blockchain ไม่ใช่เพียงแต่สามารถลดต้นทุนได้เท่านั้น แต่ยังสร้างผลลัพท์ที่น่ามหัศจรรย์ขึ้น

สำหรับการลดขนาดของโมเดลนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรับใช้ในโมเดล neural network โดยปกติแล้วการลดขนาดลงนั้นอาจจะทำให้เกิดการลดระดับลงของโมเดล แต่ ณ ปัจจุบันมีการปรับแต่งที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยลงจากการบีบอัด และเราสามารถลดขนาดโมเดล 8 bit ลงได้ถึง 75%

Cortex ได้ทำการทดลองกับแบบจำลองต่าง ๆ โดยใช้โมเดล AI ซึ่งสามารถลดขนาดของ VGG16 ที่เดิมมีขนาด 528MB จนเหลือเพียง 14.7MB เท่านั้น

8. การจัดเก็บ

Cortex ใช้เครือข่าย P2P แบบกำหนดเองสำหรับจัดเก็บโมเดล AI และการเก็บข้อมูลตาม Libtorrent เพื่อให้ได้รูปแบบ AI และการเก็บข้อมูลมากขึ้น การออกแบบนี้ได้ทำการรวมเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลแบบ P2P เข้ากับ blockchain ทำให้ได้การจัดเก็บข้อมูลแบบ decentralized ที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะที่ API ทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ

จะแจ้งปัญหาหรือข้อผิดพลาดได้อย่างไร?

ผู้อ่านสามารถส่งคำถามต่างๆไปที่ testnet@cortexlabs.ai ได้ โดยจะมีทีมงานของ Cortex คอยช่วยเหลือ ตอบคำถามอย่างเต็มความสามารถ

สิ่งที่ Cortex จะทำต่อไป

ตามแผนที่เขียนไว้ใน Whitepaper นั้นทีมงานได้ทำงานตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ก็มีความพยายามทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ blockchain และเครื่องมือต่าง ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ ทีมงานยังมีการพัฒนา MRT (Model Representation Tool) ทั้งแบบครบวงจรและแบบอัตโนมัติ 

ในฐานะที่มี Blockchain เป็นโครงสร้างพื้นฐานแรกที่สนับสนุน AI โปรเจค Cortex มุ่งมั่นที่จะสร้างชุมชนนักพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส เพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาเทคโนโลยี AI และ Blockchain ในอนาคต ระบบนิเวศทั้งหมดจะมีแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่สนับสนุนการพัฒนา AI และ blockchain และในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญ โดยเชื่อว่าโปรเจค Cortex จะเป็นผู้บุกเบิกอนาคตของ AI และ Blockchain และเป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีต่อไป

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.