จากปรากฏการณ์ตลาดหมีอันยาวนานของ Bitcoin ที่มีมูลค่าลดลงประมาณ 85% (จาก 19,500 ดอลลาร์สู่ 2,950 ดอลลาร์) ทำให้มีนักลงทุนจำนวนมากได้ทำการ cut loss (ขายต่ำกว่าราคาซื้อ เพื่อรักษาเงินทุนไว้) และเดินจากตลาดนี้ไป แต่ไม่ใช่กับพวกเขาเหล่านี้ Mike Novogratz, Jim Breyer และ Tim Draper นักลงทุนมหาเศรษฐีผู้ที่มีความคิดแง่บวกต่อการลงทุนและมองตลาด cryptocurrency ในระยะยาว
นักลงทุนที่มีชื่อเสียงหรือมีความเชี่ยวชาญนั้น สามารถรับมือกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อสินทรัพย์ของพวกเขาได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง cryptocurrency เช่น Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) เนื่องจากนั่นเป็นเพียงการลงทุนในส่วนเล็ก ๆ ของความมั่งคั่งและจากพอร์ตการลงทุนของพวกเขา
เช่นเดียวกับในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดดั้งเดิมอื่น ๆ นักลงทุนที่ร่ำรวยมีความสามารถในการถือครองสินทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ได้ แม้อยู่ในช่วงที่คาดไม่ถึงหรือการเกิดตลาดหมี หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือการลงทุนแบบระยะยาว ซึ่งไม่สนใจเรื่องการขึ้นหรือลงของราคาระหว่างวัน แต่เน้นที่คุณค่าที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งพี่พวกเขาได้ลงทุนไป มันอาจจะส่งผลให้พวกเขารวยมากขึ้นในอนาคตหรือบางทีอาจขาดทุน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะพวกเขาได้แยกเงินใช้จ่ายรายวันกับเงินลงทุนออกจากกันนั่นเอง
แต่นักลงทุนรายย่อยทั่วไปที่ต้องการเงินด่วน เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนั้นไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก และแน่นอนว่าไม่สามารถรับมือกับการลดมูลค่ากว่า 80% ของสินทรัพย์ได้ จำเป็นต้องขายทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงที่พวกเขาถือครองไว้ในพอร์ตการลงทุนของตนเอง
Jim Breyer กล่าวว่า “ตอนนี้มีนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และด็อกเตอร์จำนวนมากที่ทำงานอยู่ในวงการ blockchain เพระาว่าพวกเขาสนใจถึงความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี blockchain ในอนาคต นี่เป็นคุณค่าที่แท้จริงเหนือมูลค่าใด ๆ”
และคำถามที่ผู้คนต้องการทราบมากก็คือ เมื่อไหร่ที่ราคาจะฟื้นตัว? โดยเฉลี่ยแล้ว Bitcoin ใช้เวลา 67 สัปดาห์ในการฟื้นตัวของราคา แต่อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่ได้รับประกันถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นเพียงข้อมูลที่บ่งบอกถึงสภาพตลาด ณ ขณะนั้นเท่านั้นเอง