การประชุมสุดยอด G20 ช่วงที่สองจัดขึ้นที่เมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้ตกลงที่จะกำหนดให้ cryptocurrencies ต้องถูกควบคุมตามข้อกำหนดของ Financial Action Task Force (FATF)
การประชุมที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ มีส่วนที่เกี่ยวกับ cryptocurrencies หรือ “crypto-assets” ตามที่ระบุไว้ในเอกสาร มีการตกลงที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบให้สอดคล้องกับมาตรฐาน FATF ว่า
“เราจะควบคุมสินทรัพย์ Crypto เพื่อต่อต้านการฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้ายเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ FATF และเราจะพิจารณาในส่วนอื่นๆตามความจำเป็น”
นอกจากนี้ประเทศสมาชิกต่างๆจะทำงานร่วมกันเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของระบบดิจิทัลในเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เราจะทำงานร่วมกันเพื่อหาทางออกที่เป็นเอกฉันท์ เพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบของระบบดิจิทัลกับเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวกับระบบภาษีระหว่างประเทศ โดยจะมีการอัพเดทอีกครั้งในปี 2019 และรายงานขั้นสุดท้ายในปี 2020”
อย่างไรก็ตามยังคงมีข้อสงสัยว่ามาตรการเหล่านี้จะประสบความสำเร็จในการป้องกันการทำธุรกรรมของ Bitcoin และ cryptocurrency ในระดับโปรโตคอล ได้อย่างไร ในความเป็นจริงอย่างที่เราทราบกันดีว่า Bitcoin ได้รับการออกแบบโดยมีเจตนาเพื่อต่อต้านการถูกควบคุมและมีความเป็นกลางในรูปแบบของสกุลเงิน
I wonder if @G20org World Leaders actually realize that they DO face a REAL Common Enemy now? 🤔
With #Bitcoin soon turning 10, national gov’ts are SLOWLY but SURELY losing their #monopoly & ability to issue (#fiat) money. It’s slow at first but this #revolution is irreversible! pic.twitter.com/Z62gJFouYo
— Bobby Lee (@bobbyclee) December 2, 2018
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฏาคม การประชุม G20 ในช่วงแรก ที่จัดขึ้นที่เมืองบัวโนสไอเรส มีการยอมรับว่า “สินทรัพย์ Crypto นั้นมีประโยชน์ที่สำคัญ” และไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตามประเทศสมาชิกเห็นพ้องที่จะติดตามความคืบหน้าและจะพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลที่ครอบคลุมในอนาคตอันใกล้นี้ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษีและการฟอกเงิน
นอกจากนี้ยังมีการยกประเด็นในเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคและนักลงทุน , การหลีกเลี่ยงภาษี , การฟอกเงิน และการจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย ตามรายงานระบุว่า “สินทรัพย์ Crypto ไม่มีลักษณะสำคัญของการเป็นสกุลเงิน” ในขณะที่สินทรัพย์ crypto ไม่ได้อยู่ที่จุดนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินทั่วโลก แต่เราก็ยังคงระมัดระวังตัว”
ที่มา : LINK