วันพฤหัสบดี ที่ 8 พฤศจิกายน Bangkok Post รายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายได้เรียกร้องให้มีการออกกฏเพิ่มเติมเกี่ยวกับ cryptocurrency
ซึ่งในความเป็นจริงก็ได้มีการวางกรอบการกำกับดูแลเรื่อง cryptocurrency เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ว่า นายวิษณุ เครืองาม ได้เรียกร้องให้มีมาตรการใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ทันกับกลยุทธ์และการคุกคามใหม่ ๆ ต่อความมั่นคงของผู้บริโภค
นายวิษณุ เครืองาม ได้พูดในที่ประชุมสุดยอดด้านการก่อการร้ายเกี่ยวกับการก่อการร้ายว่า “ผู้เชี่ยวชาญไม่ควรพอใจกับข้อบังคับด้านความปลอดภัยในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ล่าช้ากว่าอาชญากรที่ใช้ cryptocurrency เพื่อระดมทุนในการก่อการร้ายหรือการฟอกเงิน” นอกจากนี้เขายังเสริมอีกว่า “กฎหมายควรได้รับการพัฒนาที่มากกว่านี้ในอนาคต เพื่อที่สามารถทำให้เราก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี”
นอกเหนือจากการสร้างกรอบทางกฎหมายที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจ crypto แล้ว ประเทศไทยยังอนุญาตให้สถาบันการเงินเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการก็ตาม
ในเดือนตุลาคม กระทรวงพาณิชย์เริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้งานด้านการเกษตร, การค้าและลิขสิทธิ์ นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าและโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “การศึกษานี้ยังหมายถึงการประมวลผลรหัสดิจิทัล ID, การจัดการการจดทะเบียน IP และการรักษาความปลอดภัยรวมไปถึง smart contract”
เมื่อวานนี้ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ประกาศว่า ทางการได้มีแผนที่จะติดตามการชำระภาษีโดยใช้เทคโนโลยี blockchain และ machine learning ท่านกล่าวว่า “blockchain จะใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของภาษีที่จ่ายและเพื่อเร่งกระบวนการคืนภาษี” และกล่าวเสริมว่า “การใช้ machine learning จะช่วยให้กระบวนการนี้มีความโปร่งใสและช่วยให้แผนกสามารถตรวจจับการฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
