Lamborghini หรือรถสปอร์ตยี่ห้ออื่น ๆ มักจะเป็นรถในฝันของผู้ชายเกือบทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาอาชีพไหน พนักงานออฟฟิศ หมอ พนักงานร้านสะดวกซื้อ รวมไปถึงนักลงทุนในตลาด cryptocurrency ด้วยเช่นกัน พอได้เห็นรถแล้วก็ต้องร้องว่า “ว้าว…โ_ตรเท่” แต่ยากที่จะเอื้อมถึง เพราะรถสปอร์ต 1 คันมีราคาอยู่ที่ 250,000 – 500,00 ดอลลาร์ หรืออยู่ระหว่าง 8 – 16 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งตลาดหมีแบบนี้ คงเป็นไปได้ยากซักหน่อย
แต่ก็มีแนวคิดใหม่เกิดขึ้นมาบอกว่า จะดีกว่าไหมหากเปลี่ยนไปซื้อ Tesla ที่เสียเงินพอ ๆ กัน ได้รถทรงสปอร์ดเหมือน ๆ กัน แต่ไม่ทำร้ายโลก เพราะใช้ระบบไฟฟ้าในการขับเคลื่อน แนวคิดนี้เกิดขึ้นมาเพราะ Elon Musk ตอบ tweet ของผู้ติดตามคนหนึ่งว่า “อยากซื้อ Bitcoin” แต่ยังไม่หยุดแค่นั้น CEO ของ Binance ก็ได้ออกมาตอบ tweet นั้นว่า “ผมจะซื้อรถของ Tesla แน่นอน หากสามารถจ่ายด้วยเงินดิจิทัล”
หาก Tesla รองรับ Bitcoin และ cryptocurrency
พูดได้ว่าทั้ง Tesla และ Cryptocurrency กำลังพยายามเปลี่ยนสถานะของสิ่งที่โลกยอมรับเป็นบรรทัดฐาน Tesla ต้องการที่จะผลักดันยานพาหนะไฟฟ้าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทีมงานของ Tesla ได้พัฒนาการออกแบบแบตเตอรี่ให้ดีขึ้น เพื่อให้ยานพาหนะของพวกเขาสามารถเดินทางไปได้ไกลยิ่งขึ้นด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว ทำให้ไม่ต้องใช้ยานพาหนะที่ใช้น้ำมันเบนซิน ก๊าซ และดีเซล
Bitcoin และ Crypto นั้นตรงกันข้าม บุคคลกลุ่มนี้ต้องการนำแนวคิดเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินแบบกระจายอำนาจ (decentralized) โดยใช้ระบบ peer-to-peer เพราะระบบการเงินทั่วโลกถูกซ่อนไว้เป็นความลับ ไม่ปล่อยข้อมูลให้ทุกคนได้ทราบ แต่ Bitcoin และ cryptocurrency อื่น ๆ นั้นมีความโปร่งใสและไม่เปลี่ยนรูปผ่านเครือข่าย blockchain
สิ่งที่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของ BTC ?
มีคนเคยคำนวนไว้ว่า การทำเหมือง Bitcoin นั้นใช้พลังงานเท่ากับประเทศอาร์เจนตินาตลอดทั้งปี ในความเป็นจริงก็ไม่เคยมีใครเคยคิดถึงพลังงานหรือค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ธนบัตรและสร้างเหรียญที่เราใช้กันในปัจจุบันเลย โดยพื้นฐานแล้วการพิมพ์ธนบัตรหรือสร้างเหรียญต้องมีการขนส่ง ถ้าลองคำนวนดูคร่าว ๆ ก็จะพอมองได้ว่าอุตสาหกรรมการธนาคารยังใช้กระแสไฟฟ้ามากกว่าการขุดเหมืองมาก ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของ Bitcoin ไม่ได้มีการวิเคราะห์อย่างเป็นธรรม
หากสิ่งที่เราฝันไว้เป็นจริง หาก Tesla รองรับการจ่ายด้วย Bitcoin หรือ cryptocurrency อื่น ๆ จะไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเท่านั้น แต่จะส่งเสริมให้ทั้งสองอุตสาหกรรมนี้พุ่งทะยานไปสู่อวกาศดังเช่นจรวดของ Space X