นาย Sean Russell ซึ่งทำงานในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักร ไม่ค่อยเล่นตลาดหุ้นและมีประสบการณ์ด้านการลงทุนเพียงเล็กน้อย เขาลงทุนซื้อ Bitcoin ในเดือน พฤศจิกายนปี 2017 ด้วยเงิน 120,000 ดอลล่าร์ (ประมาณ 3,900,000 บาท) ซึ่งเป็นเงินออมของเขา เขารู้สึกทึ่งเมื่อมันกลายเป็น 500,000 ดอลลาร์ (16,000,000 บาท) ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน
รัสเซลกล่าวว่า “ผมคิดว่ามันเป็นเช้าวันหนึ่งที่ผมตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าผมทำเงินได้ประมาณ 15,600 เหรียญ (ประมาณ 500,000 บาท) ในการลงทุนของผมและยังมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วผมก็คิดว่า ว้าว นั่นคือวันที่ผมฝันถึงอยู่เสมอ”
ความฝันนี้ของรัสเซลต้องเป็นอันสิ้นสุดลง เมื่อราคาของ Bitcoin ทะลุผ่าน 20,000 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ก่อนที่จะตกลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
รัสเซลพยายามที่จะลดความสูญเสียของเขาโดยการขยับเงินจาก Bitcoin ไปที่ Bitcoin Cash รวมถึง Ethereum,Ripple และ cryptocurrencies อื่นๆ แต่มันไม่เป็นผล รัสเซลกล่าวว่าเขาสูญเสียเงินในการลงทุนครั้งแรกของเขานี้ถึง 96%
“มันเป็นความหายนะ ผมช็อกจริงนะ” รัสเซลกล่าว “ผมเคยเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับข่าวมหาเศรษฐีล้มละลายและคุณก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง? เขาสูญเสียเงินไปเท่าไหร่? แล้ววันนึงผมก็ไปอยู่ในจุดเดียวกันนั้น”
ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาลงทุน รัสเซลใช้เวลาหลายปีในการศึกษา Bitcoin และเรียนรู้เกี่ยวกับ blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัล เขากล่าวว่ากระบวนการเรียนรู้ก็เหมือนกับการแก้พล็อตเรื่องของคดีฆาตกรรมลึกลับ และแม้จะขาดทุนแต่เขายังคงเป็นนักลงทุนที่มุ่งมั่น
“ผมตั้งความหวังไว้กับบางสิ่งบางอย่าง” เขากล่าว “และผมโฟกัสไปที่สิ่งนั้น เพราะถ้าผมมัวแต่คิดถึงเงินที่ผมสูญเสียไป มันทำให้ผมรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจมาก”
ไม่ใช่แค่รัสเซลคนเดียว
Michel Rauchs นักวิจัย cryptocurrency และ blockchain ที่เคมบริดจ์ กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาในปี 2017 ดึงดูดนักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์เข้ามามากมาย
“นักลงทุนรายย่อย , นักศึกษา , แม่บ้าน , แม่ค้า แม้แต่คุณยายต่างก็กระโจนเข้ามาลงทุนใน Crypto” Rauchs กล่าว “พวกเขาได้บอกเล่ากับสื่อต่างๆว่านี่คือโอกาสแห่งชีวิต” พวกเขาซื้อที่จุดสูงสุดและตอนนี้กำลังนั่งอยู่กับความสูญเสียอย่างหนัก”
“Always set stoploss”
ที่มา : LINK