สำหรับงานคริปโตสุดยิ่งใหญ่อย่าง Hybrid Summit ก็จบกันไปอย่างสวยงามครับ โดยงานได้จัดขึ้นวันที่ 28-29 กรกฎาคม ณ Centara Grand ,Central world วันนี้แอดณะมาพาชมภาพบรรยากาศกับสรุปเนื้อหาสุด Exclusive มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ ตามกันมาเลย:)

บรรยากาศภายในงาน

ไฮไลท์ของบูทคงไม่พ้น Coinasset เปิดตัวเครื่องแลกเงิน Bitcoin ครั้งแรกในไทย!

เรียกได้ว่าเปิดตัวอย่างโดดเด่นกันเลยทีเดียวสำหรับ Coinasset ซึ่งนำตู้รับซื้อ-ขายเหรียญคริปโตเข้ามาเปิดตัวในงานซึ่งสามารถทำการซื้อและขายได้จริงๆ โดยถ้าถอนเงินต่ำกว่า 500บาทก็ไม่ต้องผ่าน KYC โดยตู้ที่นำมาเปิดตัวนี้ยังรองรับเพียงแค่ Bitcoin เท่านั้นและจะมีการพัฒนาต่อไปเพื่อให้รองรับสกุลเงินอื่นๆอย่าง ETH, XRP เข้ามา นอกจากนี้หน้าจอของตู้เป็นเเบบ Touch Screen ระบบจอสัมผัส ซึ่งระบบของตู้นั้นมี ความแม่นยำ ความเสถียรใช้งานสูง‎ เมื่อทำธุรกรรมเรียบร้อยเเล้วจะได้ใบสลิปเป็นการยืนยันการทำธุรกรรมอีกด้วย ที่สำคัญ ยังมีพนักงานคอย Support 24 ชั่วโมงสำหรับตู้ Crypto ATM (สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม: https://goo.gl/N7m5bB)

ภาพการบรรยายจากผู้มีชื่อเสียงระดับโลก

Thomas Lee แชร์ผลการวิจัยตลาดคริปโตHighlight อย่างหนึ่งคงหนีไม่พ้นการบรรยายของ Thomas Lee ผู้เป็นคนดังในโลกคริปโต งานนี้เค้าได้ออกมาเผยถึงผลการวิจัยที่เค้าได้ทำมาซึ่งสรุปเป็นสาระสำคัญได้ 3หัวข้อดังนี้

• มีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้ตลาดจะพ้น Bear market ในเร็วๆนี้เช่น Volume ที่เริ่มสูงขึ้น, อุปสรรคของ ETF เริ่มน้อยลง, ในแง่ของ TA เริ่มมีการสวนเทรนด์, Master card เตรียมจดสิทธิบัตรโครงสร้างพื้นฐานของการแปลงเงิน Fiat ไปเป็นคริปโต
• ยุคของ Millenials (คนที่เกิดซ้อนกับกลุ่ม Gen Y และ Gen X อายุประมาณ 14-32ปี) ซึ่งจำนวนประชากรในยุคนี้มีคนเยอะที่สุดและสามารถใช้เทคโนโลยีกันอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งคนกลุ่มนี้จากผลวิจัยคือ 92%ไม่เชื่อใจธนาคารและกำลังซื้อของคนกลุ่มนี้เริ่มสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าทรัพย์สินของคนกลุ่มนี้รวมๆจะอยู่ที่ $ 7ล้านล้าน คาดว่า10เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในคริปโตเนื่องจากคนกลุ่มนี้เริ่มไม่สนใจที่จะซื้อทองเก็บไว้เพราะมองว่างยุ่งยากในการรักษาและสภาพคล่องต่ำ ด้วยปัจจัยของคนกลุ่มนี้ที่เค้าวิจัยมาทำให้เค้าคิดว่ากระแสเงินจะไหลเข้ามาในคริปโตอย่างต่อเนื่อง
• Wallstreet ได้กลิ่นเงิน อ้างอิงจากกำไรที่ Binance ทำได้กว่าพันล้านเหรียญเทียบเท่าเป็นอันดับ Top4ของกำไรจากสถาบันการเงินทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกคริปโตอย่าง Bitmain และ Coinbase ที่ถูกประเมินมูลค่าไม่ต่ำกว่าระดับ Top 10 ของโลกเลยทีเดียว กลิ่นเงินฟุ้งขนาดนี้เป็นใครก็อยากเข้ามาจริงมั้ยครับ

เปิดตัวโปรเจค Kind Heaven [Title Sponsor]

โปรเจค Kind Heaven ซึ่งเป็นโครงการ Decentralized global marketplace ที่จะอยู่บน Blockchain โดยทาง Kind Heaven จะมีเหรียญชื่อ Yala Coin เอาไว้ใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการต่างๆในเครือข่ายของ Kind Heaven อาทิเช่น อาหาร, โรงแรม, ยานพาหนะต่างๆ โดยเน้นการสร้างเครือข่ายไปที่ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้ผู้คนในโลกสัมผัสถึงวัฒนธรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจและเสริมสร้าง Eco-system ที่แข็งแกร่งให้กับ ASEAN นั้นเอง

DNA Fund กองทุนคริปโตระดับบิ๊ก [VIP Sponsor]

สปอร์นเซอร์หลักของงานนี้อย่าง DNA Fund ผู้ซึ่งเป็นกองทุนระดับยักษ์ใหญ่ในโลกคริปโต พร้อมทั้งสนับสนุนโปรเจคชั้นนำอื่นๆอีกมากมายและบางส่วนก็ได้มาร่วมเปิดตัวในงานนี้ด้วย เช่น ODX ที่ทำเกี่ยวกับ decentralized data market place และ Phunware ที่ทำโปรเจคเกี่ยวกับ Multiscreen as a Service (MaaS) ซึ่งน่าสนใจเลยทีเดียวครับ

การทำนายราคากับผู้คว่ำหวอดในโลกคริปโต

ในส่วนของ Session นี้มีผู้เชี่ยวชาญในโลกคริปโตถึง 4ท่านเข้ามาร่วมแชร์ทรรศนคติ เข้ามาร่วมกันแต่อย่างว่าครับ จากตลาดที่ผันผวนขนาดนี้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญท่านไหนกล้าประเมินราคาระยะสั้นเลย แต่ในระยะยาวมีความเห็นดังนี้ครับ
คุณ Apolo มองว่าจะ Bullish แน่ๆในไม่เกิน 5ปีนี้
คุณ Justin มองว่าช่วงนี้กระแสเริ่มมาแล้วผู้เล่นจากสถาบันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คุณ Jeremy มองว่า Bitcoin เป็นทรัพย์สินดิจิตอลเทียบเท่าทองเลยทีเดียวแต่มีความปลอดภัยกว่ามากๆและมีค่ากว่าทองหลายเท่าทำให้เค้ามอง Market Cap ของ Bitcoin อยู่ที่ $15 ล้านล้าน
คุณ Lee มองว่าราคาจะไปไกลกว่านี้มากแต่จะไม่ถึงราคาที่ John Mcafee ทำนายไว้ในปี 2020 ว่าราคาจะแตะหลัก $1ล้าน แต่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ในระยะยาวกว่านั้น

Good Money[ICO] – โปรเจค security token ตัวแรกของฝั่งอเมริกา

Good money โปรเจค ICO ที่เป็น security token ตัวแรกๆของฝั่งอเมริกา ตั้งเป้าที่จะมาแข่งในตลาด Wallet / Exchange หรือหวังโค่น Coinbase ด้วยการเข้าถึงเด็กรุ่นใหม่ โดยมีนักลงทุนชื่อดังมากมายที่เข้ามาลงทุนในรอบแรก ไว้มีโอกาสแอดจะมารีวิวให้

แนวโน้ม ICO ที่เปลี่ยนไป

เป็นมุมมองจากผู้คนในวงการที่พูดคุยกันซึ่งผมได้ยินมาจากหลายๆท่านเลยครับว่าในปัจจุบันโปรเจคที่น่าสนใจไม่ใช่โปรเจคที่มี Hard Cap น้อยๆแล้ว แต่เป็นโปรเจคที่มี Hard Capสูง เพราะการทำตลาดแต่ละทีต้องใช้เงินทุนมหาศาลการที่ Hard Capน้อยๆทำให้ก้าวพลาดเพียงกล้าวเดียวก็ถึงกับเงินทุนหมดกันได้เลยทีเดียวไม่เหมือนโปรเจคที่มี Hard Capสูงๆที่มีโอกาสแก้ตัวได้หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งต้องมาจับตาดูกันต่อไปครับว่าแนวโน้ม ICO ที่จะ Go Moon! จะเป็นแบบไหนกันแน่

ภาพบรรยากาศอื่นๆ & After Party

คุณโกจาก Coin asset แอดมินคอกี้ แอดมินริท ถ่ายคู่กับ speaker ชื่อดังในงาน

ภาพบรรยากาศบูทภายในงาน

ภาพงานดินเนอร์วันที่ 1 ร้านบ้านหญิง

ภาพงาน After party