ในเดือน18 พฤษภาคม 2018 DeepBrain Chain ได้ประกาศขาย Pre-order AI Miner ภายใต้ชื่อ “DBC AIM” บนเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการ และบนหน้า WeChat และในวันที่ 1 มิถุนายน 2018 ก็มีผู้ที่สนใจจองมากถึง 1000 คน มีการลงชื่อจอง pre-order มูลค่ารวมสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์
การปล่อยตัว DBC AIM เป็นก้าวสำคัญในการเดินตามภารกิจของ DBC ที่ต้องการจะสร้าง AI Cloud แบบกระจายศูนย์ และการประมวลผลของ nodes ใน Ecosystem ของ DBC เครื่อง DBC AIM ที่ว่านี้ก็จะทำให้ต้นทุนถูกลง และทำให้เกิดความสะดวกสำหรับบริษัท AI ทั้งหลาย
นี้คือ 3 สาเหตุ ว่าทำไม Mining ของเราถึงได้ความนิยมสูงจากนักลงทุน
1. DBC สามารถแก้ปัญหาที่บริษัท AI ต่างๆกำลังเผชิญอยู่
ตั้งแต่ปี 2012 ความต้องการของการประมวลผลของบริษัท AI พุ่งสูงขึ้นอย่างมากเกิน 300,000 ครั้ง โดยเฉพาะต้นทุนของ hardware เป็นอุปสรรคอย่างมากในการเริ่มต้นสำหรับบริษัท AI และ สตาร์ทอัพ AI ทุกวันนี้ Deep learning ชิปส่วนใหญ่จะเป็นของ Google’s TPUs or Nvidia GPU ซึ่งของ google จะถูกใช้กับ Google’s cloud computing center และของ Nvidia จะถูกใช้เป็นส่วนใหญ่ของตลาดทั่วไป ซึ่ง deep learning ชิปนี้แตกต่างจาก gaming ชิปอย่างมากโดยแตกต่างกันถึง 6 หลัก ซึ่งยากที่จะเข้าถึงผู้ใช้งานที่ไม่มีเงินทุนมาก
อย่างไรก็ตาม DBC AIM เป็นแบบ 1080Ti deep learning ชิป หรือ GPUS ซึ่งเป็นแบบที่บริษัท AI นิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งหมายความว่าบริษัท AI สามารถขอใช้บริการกำลังการประมวลผล AI แบบกระจายศูนย์ได้จากทั่วโลก
DeepBrain Chain มีแผนจะออก testnet ในเดือนมิถุนายน และในขณะนี้ฝ่ายเทคโนโลยีกำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบ iteration 1 framework และกำลังอยู่ในช่วงเริ่มทดสอบ และในตอนนี้ทีมงานก็ได้เสร็จสิ้นการออกแบบการตรวจเช็คสถานะ AI แบบเรียลไทม์เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะเริ่มออกแบบ iteration 2
2. ทีมงานเป็นทีมระดับ Top ที่มีชื่อเสียงด้านพัฒนา AI
1. Dr. Dongyan Wang
ตำแหน่ง : Chief AI Officer, Executive VP of DeepBrain Chain Silicon Valley AI + Blockchain Research Center
ประสบการณ์ & ผลงาน : ในเดือนเมษายน Dr. Dongyan Wang ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ของ Silicon valley ได้เข้ามาร่วมทีมกับ Deepbrain Chain ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นถึงประธานของหน่วยงาน AI และเป็นผู้บริหารของทีมวิจัยใน Silicon valley โดยมีประสบการณ์ในการทำงานด้าน AI เกือบ 20 ปีใน Silicon valley และเคยนำทีมของบริษัทชั้นนำมาแล้วหลายบริษัทเช่น Cisco, Netapp, Midea and Samsung
ภายในเวลาแค่ 1 ปี 9 เดือน Dr. Dongyan Wang ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยการเรียนรู้ใน Silicon valley ชื่อ Midea และสร้าง deep learning AI platform ที่ไม่เหมือนใครชื่อ “Midea Brain” และหลังจากที่ Dr. Dongyan Wang ได้เข้าร่วมกับทีมแล้วก็มีผู้เชียวชาญในอุตสาหกรรม AI หลายคนได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอร่วมงานด้วย
2. Jason Pai
ตำแหน่ง : Sr. Director of Product Management
ประสบการณ์ & ผลงาน : มีประสบการณ์ด้านการพัฒนา hardware และ Product management ที่บริษัทมีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น Supermicro, IBM และ Ford Motor
Jason Pai เป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ AI สำหรับ Supermicro โดยการเพิ่มประสิทธิภาพ Bandwidth และ ประสิทธิภาพการติดต่อกันระหว่างอุปกรณ์ – อุปกรณ์ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ Nvidia โดยการนำเทคโนโลยี Nvlink ซึ่งจะช่วยในเรื่องการเทรน Deep Learning โดยการเพิ่ม peer-to-peer bandwidth มากกว่า 5 เท่าของ PCIe 3.0
3. BrainXu
ตำแหน่ง : Chief data scientist
ประสบการณ์ & ผลงาน : มีประสบการณ์ด้าน software เกิน 48 ผลิตภัณฑ์ (AI, ML, data analytics, etc.) และเป็นผู้นำด้าน intelligent solution ตั้งแต่ปี 1998 BrainXuได้พัฒนาโปรแกรมให้บริษัทยักษ์ใหญ่มากมายเช่น Boeing, DARPA และพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เช่น Intel เป็นต้น และยังได้มีผลงานต่างๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น technical paper, USA patent และ technical presentation
4. Jan Huang
ตำแหน่งAI, Computer Vision, Machine Learning and Deep Learning expert
ประสบการณ์ & ผลงาน : ก่อนที่จะมาร่วมทีมกับ DeepBrain Chain เขาเคยทำงานที่ IBM เป็น web replay software engineer โดยจะเน้นงานด้าน video/image processing และงานด้านวิจัยและพัฒนา AI Jason Pai จบปริญญาโทด้าน Computer Vision จากมหาวิทยาลัยเยลและปริญญาเอก ในการประมวลผลภาพจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
5.Haisong Gu
ตำแหน่ง : DeepBrain Chain’s Senior Director of AI Applications for Computer Vision & Robotics
ประสบการณ์ : เป็นผู้จัดการอาวุโสของ Konica-Minolta และ Midea ซึ่งเป็นทีมชั้นนำของ AI โดยได้ประสบความสำเร็จในการสร้าง DL PF สำหรับการวิเคราะห์รูปภาพ วิดิโอ และเอกสารต่างๆ และผลงานที่สำคัญอีกมากมาย เช่น พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจสอบภาพ AI สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์อาหารและเครื่องใช้ในบ้าน และผลงานอีกชิ้นที่สำคัญคือเปิดตัวระบบการวินิจฉัยโรคมะเร็งโดยใช้ AI ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยียุทธศาสตร์ระดับประเทศประจำปี พ.ศ. 2520 ในประเทศญี่ปุ่น
ทีมงานได้นำโปรเจคมาทบทวนหลายครั้งเพื่อให้ออกมามีคุณภาพมากที่สุด และเป็นไปตามมาตราฐานอุตสาหกรรม และให้ลูกค้ามั่นใจว่าเราสามารถทำได้อย่างที่เคยกล่าวไว้
3. เป็นการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ และผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม
ในอุตสาหกรรม blockchain ระบบ mining เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เมื่อเทียบกับการลงทุนใน secondary market การลงทุนด้าน mining นั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่ามาก และให้รายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนกว่า สังเกตุได้จากเป็นที่นิยมของคนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทุกวันนี้การ mining ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin หรือ Ethereum ก็ตามยังคงเป็นระบบ PoW ซึ่งเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรค่อนข้างมาก
มากล่าวถึงระบบการ mining ของ DeepBrain Chain กันบ้างว่าแตกต่างจาก PoW อย่างไร โดยมันเป็นระบบที่มีชื่อเรียกว่า “Proof of contribution(POC)” ซึ่งมันเป็นการรวมรูปแบบการขุดระหว่าง consensus mining, compute mining และ storage mining เรียกได้ว่าเป็นการเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างการ mining กับการเทรน AI โดยเจ้าของโหนดจะได้รับรางวัลเป็น DBC โดยเป็นการแชร์พลังการประมวลผลของ AI ให้ อธิบายให้ง่ายๆก็คือ mining = คนแชร์กำลังประมวลผล, ผลตอบแทน = กำลังประมวลผลที่ถูกใช้ไป ซึ่งหลักการนี้เองที่ทำให้ไม่เกิดการสูญเสียทรัพยากรเกินความจำเป็น
DeepBrain chain จะสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระดับโลก และจะกลายเป็นผู้นำในระบบ AI & Blockchain ของโลก
หากสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการทราบวิธีการจองเครื่องขุดหรือ DBC สามารถถามต่อได้ที่ DBC Thailand Telegram ครับ
ส่วนรายละเอียดเบื้องต้นก็สามารถอ่านต่อได้ที่นี่ครับ https://www.deepbrainchain.org/pc/en/miner.html
บทความก่อนหน้าที่เกี่ยวข้อง
- โอกาสใหม่ของสายขุด!? เครื่องขุด AI จาก DeepBrain Chain มีโอกาสคืนทุนใน 120 วัน
- [รีวิว] DeepBrain Chain สุดยอดโปรเจค AI แห่งปี ที่หลายคนมองข้าม!
[…] the reports at… — Thai media Bitcoin Addict Thailand — Vietnamese media Bigcoin — Korean media it-b— Russian media gambitinvest.biz, […]