Hold คือ การถือครอง Token โดยมีการแก้ไขหรือเคลื่อนไหว Token เหล่านั้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Trading คือ การ ซื้อและขาย token หรือทำให้ token มีความเคลื่อนไหวในทุกสถานการณ์
ข้อมูลเสริม : นักลงทุนรายใหม่ๆ มักมีแนวโน้มที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างเมื่อเข้าสู่ตลาด cryptocurrency ครั้งแรก ซึ่งจากการสังเกตุ มักจะ Trading เป็นหลัก
ข้อดีของการ Hold
- ไม่มีแรงตึงเครียดจากความเคลื่อนไหวของกราฟ ต่อให้ราคาจะขึ้น หรือ ต่ำ จากจุดซื้อ ชาว Hold จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากราคาที่ผันผวนและชาว Hold ทุกคนจะมีราคาในใจ ที่จะขาย เช่น ซื้อ xrp ในราคา 20 บาท หวังขายที่ 200 แต่ราคาปัจจุบัน คือ 14 บาท แต่ไม่เป็นไร ชาว Holder รอได้ (Hold กับ รอ พูดเบาๆ ก็เจ็บ U_U)
- การ Hold ช่วยให้สามารถลดความต้องการของการขาย Token ได้ เพื่อไม่ให้พลาดผลกำไรที่มากที่สุดและเป็นผลกำไรที่เกินจริง เช่น ซื้อ OMG มาในราคา 100 บาท อีก 1 สัปดาห์ ราคาพุ่งขึ้นเป็น 200 บาท ซึ่งมองตามทฤษฎีคือ Value เพิ่มขึ้น 100% ซึ่งคนส่วนใหญ่จะขายราคานี้ เพื่อรักษาผลกำไรทีสูง แต่อีกไม่กี่วันถัดมา จากราคา 200 บาท พุ่งไป 1,000 บาท คนที่ขายตอน 200 บาท คือ ขายหมูทันที ดังนั้น การ Hold ช่วยให้คุณสามารถรักษาเหตุการณ์นี้ได้
- มีโอกาสทำกำไรได้มหาศาล
- มีเวลาว่างในการทำ กิจกรรมอย่างอื่น นอกเหนือจากการ เล่น Cryptocurrency
ข้อดีของการ Trading
- ได้เห็นความเคลื่อนไหวของกราฟ ด้วย Tools และ indicator อื่นๆ
- ทำกำไรได้ 24 ชั่วโมง ทุกสภาวะตลาด ไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลง Bull run หรือ Bearish
- มองเห็นและคาดการณ์ผลกำไรได้
- มีวิธีรับมือที่หลากหลาย
ที่กล่าวมานี้เป็นข้อดีคร่าวๆ ของสาย Hold และ trade
ปัญหาหลักของสาย Hold
- ราคาที่ Holder ถือครองอยู่มักจะวิ่งจากจุดที่ซื้อและพุ่งขึ้น ↑ และพุ่งลง ↓ ในเวลาไม่นาน ทำให้พลาดการทำกำไรไป การยึดหลักที่ Hold มากเกินไป อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรง ดั่งเช่น เหตุการณ์ต่างๆ AGI จาก 20x กลายเป็น 1.5 – 2.0x หรือ Trx จาก 50x ตกมาสู่ 3x
- พลาดโอกาสในการขยาย portfolio หรือ เหตุการณ์ต่างๆ ( HODL ง่าย ๆ แค่ คุณซื้อToken ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของคุณแล้วคุณไม่ทำอะไรเลย คุณอาจจะเสียประโยชน์จากการที่ปล่อยเหรียญไว้เฉยๆ ก็เป็นได้ )
- นัก Holder ส่วนใหญ่ ไม่มีความรู้ในการ hold Token ที่เราถือครอง , ไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง , มันใช้ยังไง และจะมีอนาคตไหม ทุกคน Focus แค่ผลกำไรและการเก็งกำไรเท่านั้น
ปัญหาหลักของ Trade
- ตลาด Cryptocurrency มีความผันผวนอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งได้รับฉายาว่า ตลาดปีศาจ (Devil Market) หรือ (Lucky Trade) เพราะว่า เป็นตลาดที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่ทุกคนบนโลกเคยพานพบ สามารถทำกำไรอย่างมหาศาลและสามารถทำให้คนขาดทุนได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณซื้อ EVX ในราคา 30 บาทเมื่อ ตอน 18.00 นาฬิกา ผ่านไป 1 ชั่วโมง ราคาพุ่งเป็น 90 บาท และ อีก 10 นาที ต่อมา ราคาตกลงมาสู่ 12 บาท (เป็นสิ่งที่ได้เจอแน่นอนในตลาดนี้)
- หากไม่มีความเข้าใจพื้นฐานในการ Trade และไม่เข้าใจ Product แล้ว แทบจะทำกำไรไม่ได้เลย ต่อให้มี indicator เข้ามาช่วยก็แทบจะทำกำไรไม่ได้
- ปัญหา ค่า Fee จากการ trade เป็นปัญหาสำคัญมากสำหรับนัก Trader
(รู้หมือไร่ เว็บเทรด Bitkub ที่แข่งกันเทรด คนที่ชนะ ทำกำไรได้เพียง 7.56%)
ในตลาด Cryptocurrency ยังมีเหตุการณ์ที่สาย Hold และ Trade ต้องเจออีกมาก ยกตัวอย่างเช่น
- Fomo
- Fud
- Scam
ซึ่งเราจะต้องเตรียมทั้งความรู้ , ฝึกความอดทน , ฝึกความมั่นใจ เป็นอย่างมากในการสู้กับเหตุการณ์ปั่นประสาทหรือสงครามเย็นเหล่านี้ เช่น การ Fomo เราจะมีวิธีรับมือกับการปั่นราคาอย่างไร “ไม่ให้ดอย” เป็นต้น
#แล้วคุณหล่ะ อยู่สายไหน เพราะอะไร? สามารถช่วยกันแชร์ความคิดเห็นได้นะครับ
#ด้วยรักและเป็นห่วงจากทีม Bitcoin addict thailand
#xเอง