โอ้โห!!!ลงร้อยได้เป็นล้าน สุดยอด5เหรียญตัวอย่างของการ Hodl ที่ใครๆก็ควรรู้

0
5995

สวัสดีครับ ช่วงนี้ข่าวดีในแวดวงคริปโตก็เริ่มมาตามๆกันไม่ว่าจะเป็นข่าว Nasdaq, งาน Consensus ที่กำลังจัดขึ้น (ที่กูรูส่วนใหญ่จะบอกว่า party จะมาหลังจบงาน) และการจัดการภาษีในไทย 😛 เรื่องร้ายๆต่างๆก็เริ่มจะหายๆไป(ไม่ก็คนเริ่มชิน) เหลือเพียงไม่กี่มุกที่จะมากดราคาคริปโตได้ ผมจึงเกิดไอเดียในการเขียนบทความนี้ขึ้นว่ามีเหรียญตัวไหนที่ถ้าเราเชื่อมั่น คอยติดตามมาตั้งแต่ต้นจะทำกำไรให้เราได้ขนาดไหน โดยจะยกตัวอย่าง ICO ที่ประสบความสำเร็จที่สุด 5อันดับที่เรียกได้ว่าลงเพียง 100บาทขายคืนได้เป็นแสนเป็นล้าน ถ้าใครทนถือมาตั้งแต่ตอนเปิดน่าจะเป็นเศรษฐีไปตามๆกัน!!

อันดับที่ 5 Stratis

Stratis

Stratis เป็นโปรเจค Blockchain  platform ที่ใช้ระบบ Consensus แบบ PoS เพื่อให้บริการทางการเงินกับองกรณ์ต่างๆที่อยาจะนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ภายใน ซึ่งองค์กรต่างๆสามารถปรับปรุงแก้ไข feature ต่างๆได้ตามต้องการด้วย platform การพัฒนาที่ชื่อ nStratis โดยใช้ภาษา C# เป็นหลักและทั้งหมดจะเป็นแบบ Private blockchain ซึ่งจะตอบโจทย์กับองค์กรที่ไม่ต้องการให้ข้อมูลหลุดออกสู่สาธาราณะ

Stratis เปิดระดมทุนเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2016 ระดมทุนไปราวๆ 20ล้านบาท โดยราคาต่อเหรียญตอนเปิดตัวอยู่ที่ 23สตางค์ เมื่อเรามาลองเทียบกับราคาปัจจุบันที่ประมาณ 192บาทจะได้กำไรสูงถึง 834เท่า! หรือถ้าโชคดีขายไปตอน ATH ช่วงมกราคม 2018 จะกำไรสูงถึง 2696เท่า ลง100บาท ได้ 269,600บาท (ใช้เวลา Hodl ประมาณ 1.5-2ปี)

แต่ช่วงนี้เหมือนโปรเจค Stratis จะค่อนข้างทำไม่ได้ตาม Road map ที่วางไว้เลยทำให้ความเชื่อมั่นลดลงพอสมควรครับ

อันดับที่ 4 Ethereum

ETHEREUM_NAV-BAR-LOGO.pngสำหรับสาย ICO ทุกคนต้องมีติดกระเป๋ากันอย่างแน่นอนโดยมีผู้นำอย่าง Vitalik ที่คอยชี้นำปวงชนทั่วโลก โดย Ethereum เป็น platform ที่ให้ใครก็สามารถสร้าง Dapp ได้เองโดยไม่ผ่านตัวกลางซึ่งจะมีคอมพิวเตอร์ทั่วโลกช่วยกันรันระบบเรียกได้ว่าถ้าโลกนี้ยังมีคอมพิวเตอร์อยู่ Ethereum network ก็จะไม่ตาย ซึ่งจะมีฟังค์ชั่นสำคัญที่ช่วยทำให้เกิดโปรเจคต่างๆเพิ่มมากขึ้นนั้นก็คือ smart contract นั้นเองครับ

Ethereum เปิดระดมทุนในปี 2014 และระดมทุนไปถึง 500ล้านบาท ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 10บาท โดยราคาปัจจุบัน 1ETH มีค่าเท่ากับ 24,000บาท ถ้าถือมาแต่แรกจะได้กำไรถึง 2400เท่าและถ้าโชคดีขายไปตอน ATH เราจะได้กำไรถึง 4406เท่า ลง 100บาทได้ 440,600บาท  (ใช้เวลา Hodl ประมาณ 3.5ปี)

Ethereum ถือได้ว่าเป็นอะไรที่ฮิตติดตลาดมากๆใครจะระดมทุน ICO ส่วนใหญ่ก็มาลงบน Network ของ ETH ทั้งนั้นและยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอีกไม่นานเราอาจจะได้เห็น Ethereum ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหา scailbility ด้วยระบบ Plasma และ PoS ครับ

อันดับที่ 3 NEO (Antshares)

NEO-GAS-Ethereum-Gasพูดถึงตัวนี้แล้วน่าจะไม่มีใครไม่รู้จักฉายาของเหรียญนี้ก็คือ Ethereum แห่งเมืองจีน แต่จะมีใครรู้มั้ยว่าก่อนจะมาเป็น NEO เค้าถูก Rebrand มาจากโปรเจค Antshares เมื่อปี 2015 และเค้าเรียกตัวเองว่า        “An Open Network For Smart Economy” ซึ่งหมายถึงว่า NEO วางตัวที่จะเป็น blockchain แบบ open source (โดยไม่หวังผลกำไร) ที่ให้ผู้ที่สนใจจะพัฒนา Dapp, Digital asset ต่างๆสามารถสร้างบนระบบ Blockhain ของ NEO เพื่อให้เกิด Smart Economy นั้นเองครับ โดย Consensus ที่ NEO ใช้จะเรียกว่า dFBT (Delegated Byzantine Fault Tolerant) ซึ่งจะไม่ได้พูดถึงในบทความนี้นะครับ

NEO ได้ระดมทุนไปทั้งหมด 2ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 จำนวนเงินราวๆ 19ล้านบาทที่ราคา 1บาทต่อเหรียญ และครั้งที่สองเมื่อเดือนกันยายนปี 2016 จำนวนเงินราวๆ 150ล้านบาทที่ราคา 6บาทต่อเหรียญ เมื่อเราลองมาเทียบกับราคาปัจจุบันประมาณ 2200บาทถ้าถือมาแต่แรกจะได้กำไรถึง 2200เท่า และถ้าโชคดีขายไปตอน ATH เราจะได้กำไรถึง 5152เท่า ลง 100บาทได้ 515,200บาท  (ใช้เวลา Hodl ประมาณ 2-2.5ปี)

โดยปัจจุบัน NEO ถือว่าติดตลาดพอสมควรเพราะมีระบบการปันผลที่เราจะได้ GAS จากการถือ NEO ในกระเป๋า และข้อดีอีกอย่างคือการโอนเหรียญในระบบ NEO สามารถทำได้ฟรีไม่เสียเงินซักบาท แต่ก็มีข้อครหาอยู่ค่อนข้างมากสำหรับ NEO ไม่ว่าจะเป็นโค้ดห่วยแตก ชอบปั่นข่าว แต่ก็ต้องยอมรับเลยครับว่า connection ในมือของเค้านั้นเจ๋งจริง

อันดับที่ 2 IOTA

iota.png

IOTA เป็นโปรเจคที่ทำขึ้นโดยเคลมว่าสามารถทำได้ดีกว่าระบบ Blockchain ในปัจจุบัน โดยเค้าเล็งเห็นความสำคัญของ Micro transaction ที่ถ้าเป็นระบบ Blockchain ก็อาจจะไม่คุ้มค่าธรรมเนียมอยู่และเป้าหมายหลักของ IOTA ก็คือการนำอุปกรณ์ IOT ทั้งหมดให้เข้ามาอยู่บนระบบของเค้า ซึ่งเค้าใช้ชื่อระบบใหม่ว่า Tangle (ถือเป็น DLT ประเภทหนึ่ง) ที่ธุรกรรมทุกอย่างมีค่าธรรมเนียมเป็นศูนย์!!!

IOTA เปิดระดมทุนในช่วงสิ้นปี 2015 โดยระดมทุนไปแค่ราวๆ 14ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3สตางค์ โดยกว่าจะเริ่มเปิดเทรดคนลงทุนต้องรอไปถึง 1.5ปี (ถ้าเป็นผมคงคิดว่าไม่รอดแล้วกุ) แต่ก็สมกับการรอคอยครับราคาเปิดมาอยู่ประมาณ 20บาท และถ้าเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 64บาทจะพบว่ากำไรถึง 2133เท่าและถ้าโชคดีขายไปตอน ATH เราจะได้กำไรถึง 5600เท่า ลง 100บาทได้ 560,000บาท  (ใช้เวลา Hodl ประมาณ 2-2.5ปี)

IOTA เป็นโปรเจคที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมีเทคโนโลยีที่ใหม่ รวมถึงมีบริษัทจริงๆในโลกเป็น partner จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นบริษัทด้าน IT หรือรถยนต์ ให้การสนับสนุนอยู่ทำให้มีนักลงทุนเชื่อมั่นอีกเป็นจำนวนมากครับ

อันดับที่ 1 NXT

nxt

เรียกได้ว่าเป็นเหรียญที่อยู่มานานตั้งแต่ปี 2013ซึ่ง Blockchain เทคโนโลยียังแทบไม่มีใครรู้จัก แต่ NXT ก็สามารถรอดมาได้ ซึ่งตัวโปรเจคก็คล้ายๆ Stratis แต่ภาษาหลักของ NXT คือ Javaโดยใช้ Consensus แบบ PoS

NXT เปิดระดมทุนประมาณเดือนกันยายนปี 2013 และได้เงินไปแค่ 5แสนบาท!! (น้อยโคตรๆ) และราคาเริ่มต้นต่อเหรียญอยู่ที่ประมาณ 0.05สตางค์ โดยราคา NXT ปัจจุบันอยู่ที่ 5.8บาท ถ้าถือมาตั้งแต่แรกจะได้กำไรถึง 11,600เท่า !!! และถ้าโชคดีขายไปตอน ATH เราจะได้กำไรถึง 108,800เท่า ลง 100บาทได้ 10ล้านบาท  (ใช้เวลา Hodl ประมาณ 4-4.5ปี)

NXT ที่ราคาไปถึง ATH ได้ส่วนหนึ่งมาจากการปั่นราคาในช่วง Airdrop ที่จะได้เหรียญ IGNIS และ ณ ปัจจุบันราคายังห่างไกล ATH อีกค่อนข้างมากและชื่อเสียงของ NXT ก็ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่าที่ควร ทำให้การกลับมาที่เดิมอาจจะค่อนข้างยากครับ

สิ่งที่ได้เรียนรู้

หลังจากที่ได้ดูราคาของเหรียญต่างๆเหล่านี้และเขียนบทความนี้ขึ้นมันทำให้ผมได้เรียนรู้ในหลายๆเรื่องมากๆก็ขอสรุปออกมาตามนี้นะครับ

  • โปรเจคที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำในยุคนี้หนีไม่พ้นโปรเจคจำพวก Infrastucture (โครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย) เพราะช่วงนี้ยังเป็นเพียงแค่ยุคเริ่มต้นเท่านั้นและโปรเจคประเภทนี้ในอดีตหลายๆตัวก็โดนทั้ง NEO, Ethereum ตบคว่ำมาหมด แต่ก็ไม่แน่ว่า Ethereum ในปัจจุบันอาจจะเป็นเพียงแค่ Hi5 ที่รอ facebook มาชิงบัลลังค์ก็เป็นได้
  • สิ่งสำคัญที่ทำให้ราคาเติบโตขึ้นคือการ Adoption หรือเรียกง่ายๆว่ามี Demand เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้โปรเจคจำพวก Dapp ยังเป็นเพียงการเก็งกำไรอยู่ซะส่วนมาก
  • เทคโนโลยี, Codeดีๆอาจจะแพ้ให้กับ community เพราะต่อให้มันดีแค่ไหนแต่ไม่มีคนใช้ก็จบ
  • หลังจากที่มี Network ที่มีเสถียรภาพเกิดขึ้นแก้ไขปัญหาพื้นฐานได้แล้ว โปรเจคจำพวก Dapp จะได้ลืมตาอ้าปากอย่างแน่นอน
  • การระดมทุนแบบ ICO ไม่จำเป็นต้องใช้เงินในการพัฒนาเทคโนโลยีมากมายขนาดที่หลายๆโปรเจคในปัจจุบันร้องขอ ส่วนDapp ผมคิดว่าที่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะน่าจะเป็นการทำ marketing สู้กับคู่แข่งที่มีอยู่แล้วมากกว่า (หรือการขอใบอนุญาติต่างๆที่มีราคาแพง) ทำให้เราสามารถพิจารณาจำนวนเงินที่เหมาะสมคร่าวๆได้โดยเทียบกับธุรกิจที่มีปัจจุบันนั้นเอง
  • เราควรที่จะหยอดไว้หลายๆโปรเจคและถือบางส่วนไว้ เพราะส่วนเล็กๆนั้นอาจจะกลายเป็นกำไรมหาศาลในอนาคต และที่ต้องหยอดไว้เยอะๆเพราะไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้แบบ100%หรอกว่าตัวไหนจะไปรอด (หยอด 100 ได้เป็นแสนถ้าถูกตัว)
  • สิ่งสำคัญในการลงทุนแบบ ICO คือความอดทนและคอยติดตามความคืบหน้าของโปรเจคว่ามีอะไรคืบหน้าอยู่เสมอๆ ถ้าเงียบหายไปเลยอาจจะหมายถึงลางไม่ดี อาจจะต้องรีบถอนตัว

สำหรับบทความนี้ก็จบเพียงเท่านี้ครับและขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ยัง Hodl อยู่ทุกท่านหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และผมไม่ได้หมายความว่าการ Hodl เหรียญคือวิธีที่ดีที่สุด มันขึ้นอยู่กับนิสัยการเทรดของเพื่อนๆมากกว่าว่าถนัดทำกำไรในแนวทางไหน เพราะถ้า Hodl ผิดตัว จากล้านก็กลายเป็นร้อย ได้เหมือนกัน ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดก็กระซิบบอกกันได้นะครับ

***ราคาแต่ละเหรียญอ้างอิงจากวันที่ 15 พฤษภาคม 2018

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.