สวัสดีเพื่อนๆชาว Bitcoin Addict ทุกคนครับ วันนี้ผมแอดมินณะจะมารวบรวมคำศัพท์ต่างๆที่พบเห็นในโลกคริปโตมาอธิบายให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ โดยผมจะเน้นไปที่การเทรดและ ICO เป็นหลักนะครับ เรามาดูกันดีกว่าว่าคำไหนที่เราควรรู้เพื่อที่เวลาเราไปอ่านเว็บต่างประเทศจะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ (ถ้ามีอะไรผิดก็บอกกันได้นะคร้าบบบบ)
พื้นฐาน
Cryptocurrency คริปโตเคอเรนซี่หรือเรียกอีกอย่างว่าสกุลเงินเข้ารหัส (ภาษาชาวบ้าน เงินดิจิทัล) ตัวอย่างเช่น Bitcoin,Ethereum เป็นต้น
Altcoin คำนี้ถูกย่อมาจาก bitcoin alternative หรือพูดง่ายๆก็คือเหรียญทางเลือกรองจาก Bitcoin นั้นหมายถึงทุกเหรียญคริปโตที่ไม่ใช่ Bitcoin นั้นเองครับ
Fiat สกุลเงินบนโลกของความเป็นจริงเช่นเงินบาท, ดอลล่าห์, อื่นๆ
USDT ถือเป็นคริปโตอย่างหนึ่งเหมือนกันที่พยายามทำให้ตัวเองมีราคาเทียบเท่า 1 USD มือใหม่มักจะเข้าใจผิดว่ามันคือ USD ซึ่งผิดนะครับ โดยเจ้า USDT เนี่ยมี Bitfinex เป็นเจ้าของและเค้าสามารถผลิตเพิ่มออกมาได้เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เค้าต้องการโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบ!!!
Hard fork สำหรับภาษาไทยไม่รู้จะนิยามมันอย่างไรดี แต่เอาแบบง่ายๆก็คือ การที่เหรียญคริปโตต้องการจะไปอยู่บน Blockchain ตัวใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงฟังค์ชั่นบางอย่างให้ดีขึ้นโดย Blockchain เดิมไม่สามารถทำได้จึงมีความจำเป็นต้อง Hard fork นั้นเอง (บางครั้งอาจจะเกิดการ Hard fork ขึ้นเพราะมีการแฮ็คครั้งยิ่งใหญ่และไม่อยากให้ Hacker ได้เงินไปอย่างที่เคยเกิดขึ้นระหว่าง ETH และ ETC)
Centralized Exchange (CEX) กระดานเทรดแบบผ่านคนกลางเช่น Binance, Bittrex, BX ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนถือเงินเองทำให้มีความเสี่ยงที่ Exchange ปิดตัวหรือถูกแฮ็คทำให้เราสูญเงินได้ แต่ข้อดีก็คือมี Volume และมีความรวดเร็วในการเทรด
Decentralized Exchange (DEX) กระดานเทรดแบบไม่ผ่านคนกลางเช่น Etherdelta, Idex, Switcheo ซึ่งหมายความว่าเราเป็นคนถือกระเป๋าเงินของเราเองทำให้ไม่มีความเสี่ยงที่เงินจะสูญหายยกเว้นเราหลุด private key ให้กับคนอื่นทราบ ส่วนข้อเสียคือกระดานเทรดประเภทนี้ Volume ค่อนข้างต่ำและเว็บค่อนข้างช้าเมื่อทำการเทรด
OTC Over the counter หมายถึงการซื้อขายแบบไม่ต้องผ่านคนกลาง ส่งจากผู้ขายไปผู้รับโดยตรงซึ่งต้องไปตกลงราคากันเอง พูดง่ายๆก็คือเปรียบเสมือนการขายของออนไลน์นั้นเองครับ
Public key (Address) เปรียเสมือนเลขบัญชีในโลกคริปโตที่เอาไว้ให้คนอื่นโอนเงินมาให้เราได้
Private key (Password) พูดภาษาชาวบ้านก็คือกุญแจที่ใช้ไขเข้ากระเป๋าเก็บเงินของเราครับโดยปกติจะเป็นรหัสยาวมากๆเพื่อป้องกันการแฮ็คเรียกได้ว่ายาวและซับซ้อนจนการแฮ็คนี้เสมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียว
Paper wallet จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่กระเป๋าหรืออะไร จริงๆมันคือการนำ Private key จดใส่กระดาษไว้ก็เท่านั้นเองครับซึ่งเป็นการเก็บแบบออฟไลน์ โดยส่วนตัวผมแนะนำให้เก็บ Private key แบบออฟไลน์มากกว่าออนไลน์นะครับ
Hard wallet เป็นที่เก็บเงินคริปโตที่ถือได้ว่ามีความปลอดภัยที่สุดในคริปโตเช่น Trezor, Ledger nano แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่า Hard wallet คือกระเป๋าเงินแต่แท้จริงแล้วมันคืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บ Private key เพื่อให้เราเข้าถึงกระเป๋าเงินของเราได้นั้นเอง
สายเทรด
Volume ปริมาณการซื้อขายในกระดานเทรด
Market Cap มูลค่าตลาดของเหรียญซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่เราไว้ใช้ดูโอกาสเติบโตของเหรียญนั้นๆโดยเราสามารถใช้เทียบเคียงกับเหรียญที่มีลักษณะคล้ายๆกันได้ (คำนวณจาก Volume x จำนวนเหรียญทั้งหมด)
ATH คำนี้ใครๆก็คงชอบเพราะมันมาจาก All time high ราคาสูงสุดตลอดกาลแปลไทยง่ายๆว่าทะลุดอยเก่าแล้วโว้ยยย
HODL เป็นคำที่เพี้ยนมาจาก Hold แปลตรงตัวเลยว่าถือไว้ไม่ขายเพราะเชื่อมั่นอะไรบางอย่างอยู่ ไม่ดอยหนักก็กำไรแบบวัวตายควายล้มเลยทีเดียว
Take profit เป็นการปิดออเดอร์เพื่อทำกำไรเมื่อเราได้กำไรจนถึงระดับที่พอใจหรือตามเป้าหมาย
Cut loss เป็นการปิดออเดอร์เพื่อหยุดการขาดทุนที่อาจจะมากขึ้นด้วยการยอมขายแบบขาดทุน
Long พูดง่ายๆว่าเป็นการเปิดออเดอร์ฝั่งซื้อโดยเราคิดว่าราคามันจะไปได้อีก
Short พูดง่ายๆว่าเป็นการเปิดออเดอร์ฝั่งขายโดยเราคิดว่าราคาจะลงไปได้อีก
Bullish ช่วงระยะเวลากระทิง ถ้าใครนึกถึงกระทิงก็พอเดาได้ว่ามีความคึกคักซึ่งนั้นหมายถึงตลาดขาขึ้นนั้นเอง
Bearlish กระทิงมาก็ต้องคู่กับหมี คำนี้ใครๆก็ไม่ชอบเพราะหมีมันซึมๆง่วงๆนั้นหมายถึงตลาดขาลงอย่างที่เป็นอยู่ตอนไตรมาส1ที่ผ่านมาครับ
FOMO คำนี้ย่อมาจาก Fear of missing out แปลตรงตัวได้ว่า “อาการกลัวตกรถ” จะเกิดขึ้นเวลาเราเห็นเหรียญบางเหรียญที่มันพุ่งไปมากๆแล้วเราอยากจะเข้าซะเหลือเกินเพราะกลัวไม่ตามเทรนด์ ตามกระแส คิดว่ามันจะไปต่อนั้นเอง ซึ่งอาการแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วจะได้ไม่คุ้มเสี่ยง เพื่อนๆต้องระวังให้ดีนะครับ
FUD มี FOMO ก็ต้องมี FUD ซึ่งย่อมาจาก Fear Uncertainty Doubt หมายถึงอาการที่เรารู้สึกไม่มั่นใจ สงสัย ระแวงทำให้เกิดอาการขายเหรียญแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ส่วนใหญ่อาการนี้จะไม่เกิดด้วยตัวเอง จะเกิดจากการคนรอบข้างหรือเพราะคนในโลก Social เช่นสมศักดิ์มาบอกในแชทว่า XRP เจ้าเทหนีกันหมดแล้วซึ่งถ้าเราเป็นมือใหม่และไม่มีความมั่นใจในตัวเหรียญก็อาจจะทำให้เราเทขายแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้
Whale ฝรั่งชอบเรียกวาฬแต่คนไทยจะเรียกว่าเจ้ามือ พวกนี้คือคนที่มีเงินมหาศาลจะลากหรือจะทุบราคาก็สามารถทำได้แบบง่ายๆ เหมือน Thanos ดีดนิ้ว
Moon หมายถึงราคาของเหรียญที่พุ่งมากๆ จนเปรียบเสมือนได้ไปถึงดวงจันทร์
Pump and dump ภาษาไทยคือ ลากแล้วทุบ เป็นพฤติกรรมปั่นราคาของ Whale หรือ เจ้ามือที่ชอบลากราคาสูงๆให้คน FOMO มารับของราคาแพงๆและจะปล่อยของพร้อมข่าวเพื่อทำให้เกิด FUD อีกทีนึงแล้วพอราคาต่ำๆก็จะมาเก็บของใหม่ ซึ่งเป็นอะไรที่เราเห็นได้บ่อยๆในวงการคริปโต
สาย ICO
ICO ย่อมาจาก Intial Coin Offering ถ้าอธิบายแบบตรงตัวเลยก็คือการมาขอเงินนักลงทุนรอบโลกเพื่อไปพัฒนาโปรเจค โดยฝั่งเจ้าของโปรเจคจะออกเหรียญของโปรเจคเค้าตอบแทนซึ่งโดยปกติเหรียญที่ได้รับมาจะสามารถนำไปใช้บริการในโปรเจคของเค้าหรือเก็งกำไรได้ (ถ้าประสบความสำเร็จนะครับ)
AML ย่อมาจาก Anti-money Laundering แปลว่าการต่อต้านการฟอกเงินมักจะเห็นบ่อยๆในข่าวหรือ ICO
KYC คนเล่น ICO ต้องรู้จักคำนี้ซึ่งย่อมาจาก Know your customers หมายถึงเจ้าของ ICO ต้องรู้ก่อนว่าใครจะมาบริจาคเงินให้โปรเจคของเราเพื่อป้องกันการฟอกเงินนั้นเองครับและเป็นเงื่อนไขสากลสำหรับกระดานเทรดใหญ่ๆ ถ้าโปรเจคไหนไม่ทำ KYC อาจจะหมดสิทธิ์ลิสต์ขึ้นกระดานเทรดระดับโลกเลยทีเดียว
WHITELIST เป็นการสมัครเพื่อรับสิทธิ์ในการลง ICO ก่อนเริ่มระดมทุน
White paper (WPP) กระดาษสีขาวไม่รู้ว่าคำนี้เป็นมาอย่างไร แต่จะหมายถึงเอกสารที่ระบุรายละเอียดของโปรเจคทั้งหมด เพื่อให้นักลงทุนรู้ว่าโปรเจคเป็นแบบไหน จะเอาเงินเท่าไร ทีมงานดีมั้ย และอื่นๆ ซึ่งนักลงทุน ICO ส่วนใหญ่จะใช้ WPP เป็นตัวช่วยในการตัดสินว่า ICO ตัวนี้น่าลงทุนหรือไม่
MVP Minimum Viable Product เป็นสิ่งที่ ICO น้ำดีๆต้องมีก่อนระดมทุน พูดภาษาชาวบ้านคือ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีฟังค์ชั่นตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้นั้นเอง อาจจะเป็นตัวอย่าง App ง่ายๆที่มีฟังค์ชั่นสำคัญๆให้ลองใช้งาน
Hard Cap เป้าระดมทุนสูงสุดที่โปรเจคจะรับได้
Soft Cap เป้าระดมทุนต่ำสุดที่จะทำให้โปรเจคดำเนินงานไปได้ โดยปกติถ้า ICO ระดมทุนไม่ถึงเป้า Soft Cap จะคืนเงินให้นักลงทุนทั้งหมดครับ
Hype เป็นคำเรียกสิ่งที่ติดกระแส ผู้คนรู้สึกว่ามันเจ๋งมากๆ (แต่อาจจะไม่ดีอย่างที่คิดก็ได้นะครับ) ซึ่งถ้า ICO ตัวไหนดีก็จะเกิด Hype ขึ้นมาล่ะก็ใครๆก็อยากจะมาลงทุนเรียกได้ว่าระดมทุนถึง Hard cap ได้ภายในเสี้ยววินาทีทีเดียว
Influencer ผู้ทรงอิทธิพลในวงการ เรียกได้ว่าคนเหล่านี้จะมีความสามารถเฉพาะตัวนั้นก็คือการปั่นเหรียญที่ตัวเองถือนั้นเอง เพราะพวกนี้เวลาบอกอะไรใครคนก็เชื่อและแห่ไปซื้อตามกันซึ่งเป็นตัวการชั้นยอดที่ทำให้เกิด FOMO หรือ Hype นั้นเองครับ
Aidrop เป็นการแจกเหรียญฟรีจากอากาศโดนทำตามเงื่อนไขบางอย่าง บางครั้งก็โคตรยาก บางครั้งก็ง่ายสุดๆ ซึ่งส่วนใหญ่โปรเจค ICO จะทำการ Airdrop เพื่อเป็นการทำการตลาดโปรโมต ICO และสร้าง Awareness ให้กับนักลงทุนมากขึ้น ใครเป็นสายฟรีก็ไม่ควรพลาด อย่างคราวที่แล้ว Bitcoin addict ได้แนะนำ Airdrop ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นก็คือ ONT นั้นเองแจกกันถึง 1000 ONT ต่อคน!!!
Due diligence การตรวจสอบค้นหาความจริงในตัวโปรเจคที่เราอยากจะลงทุนครับ ซึ่งถ้าพวกหุ้นหรือระดับกองทุนเค้าก็จะมีการตรวจสอบทรัพย์สิน ดูบัญชี กฎหมาย อะไรพวกนี้ แต่ถ้าในคริปโต ณ ปัจจุบันการทำ Due diligence ส่วนมากจะเป็นการตรวจสอบประวัติทีมงานและพันธมิตร หาความผิดปกติของโปรเจค หาคำตอบโดยการตั้งคำถามยากๆไปยัง CEO หรือทีมงาน อะไรประมาณนี้ครับ
DYOR Do your own research เป็นศัพทย์ที่เรามักเห็นได้บ่อยๆเวลามีใครมาแนะนำเหรียญซึ่งการหมายเหตุนี้จะสื่อว่า อย่าแค่มาตามๆแล้วจบ ต้องไปทำการบ้านเองด้วยนะจ้ะ
ROI Return of investment ภาษาไทยคืออัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม แบบชาวบ้านก็คือกำไรไปกี่เปอร์เซ็นแล้วจากเงินต้น โดยในวงการคริปโตชอบเทียบเป็น Xเท่ามากกว่าเป็น%
โดยถ้าเพื่อนๆสนใจในการลงทุนคริปโตก็เข้ามาร่วมพวกคุยกับพวกเราได้ที่ https://t.me/bitcoinaddictclub
สำหรับวันนี้ผมขอตัวลาไปก่อนถ้ามีสาระดีๆอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคริปโตผมจะกลับมาบอกเล่าผ่านบทความให้เพื่อนๆฟังในครั้งต่อไปขอบคุณที่ติดตาม Bitcoin Addict นะคร้าบบบ