สวัสดีครับวันนี้แอดมินณะก็จะมาเจาะลึกโปรเจค SIX Network ซึ่งหลายๆคนน่าจะผ่านหูผ่านตากันมาบ้างเพราะพึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน โดยจะเปิดระดมทุน ICO เริ่มรอบ Presaleในวันที่ 3เมษายนนี้ เราลองมาดูกันดีกว่าครับว่ามีจุดไหนที่น่าสนใจและจุดไหนที่เป็นข้อพิจารณา (เพื่อนๆสามารถเข้าไปติดตามข่าวสารและให้กำลัง SIX Networkได้ด้วยการคลิกเข้าไปใน Telegram channelนะครับ)
ที่มาของโปรเจค SIX Network
โปรเจค SIX Network เกิดมาจากการรวมตัวกันระหว่าง Ookbee ที่เป็น start-up Ebook ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยและ YDM global ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Yello Mobileอีกทีที่เป็นเจ้าของบริษัทในเครือที่ประสบความสำเร็จกับโปรเจ็คICON โดยทั้ง 2บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะแก้ไขปัญหาสำหรับ Digital Economy ในปัจจุบันโดยมุ่งหวังที่จะเป็น Ecosystem สำหรับ Creator, Influencer จากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ทั้ง2บริษัทร่วมมือกันเปิดโปรเจค SIX Network โดยจะระดมทุนแบบ ICO และทางฝั่ง Ookbee ก็ได้รับการอนุมัติจาก Tencent หุ้นส่วนสำคัญที่เป็นบริษัท IT ยักษ์ใหญ่จากเมืองจีนเรียบร้อยแล้ว
ปัญหาของวงการ Digital ในปัจจุบัน
ขนาดของตลาดวงการ Digital ในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 11 ล้านล้าน$ โดยมีขนาดตลาดในส่วนของ Creative worker อยู่ประมาณ 3-5ล้านล้าน$ (อ้างอิงจาก WPP ซึ่งตัวเลขจริงอาจจะสูงหรือต่ำกว่า) โดยพวกเค้าจะประสบปัญหาหลักๆด้วยกันดังนี้
- ปัญหาในส่วนของตัวกลาง การเข้าถึงกันระหว่าง User และ Creative worker เป็นไปได้ยากที่จะขาย Content ด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเค้าจึงต้องอาศัยตัวกลางที่ต้องมีค่าธรรมเนียมการจัดการและเผยแพร่เช่น App ขาย Ebook หรือบริษัท Digital Agency ที่จัดหางานมาให้ แล้วยิ่งโดยเฉพาะ App ที่รันอยู่บน Play store และ App store ก็จะมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายบนระบบอีก เรียกได้ว่าเงินค่าตอบแทนที่นักเขียนควรจะได้โดนหักสูงถึง 30%
- ปัญหาสภาพคล่อง หลังจากได้เงินเข้ามาในระบบแล้ว (70% ที่เหลือ) ไม่ใช่ว่าจะเบิกเงินแล้วได้ทันทีเลยนะครับ เพราะคนจัดทำ Content ไม่มีอำนาจจะไปต่อรองกับบริษัทขนาดใหญ่ต่างๆอยู่แล้วกว่าเค้าจะจ่ายให้ก็กินเวลานานอีก หรืออย่างทางฝั่ง Ookbee เองก็ยกตัวอย่างมาให้เหมือนกันว่านักเขียนต้องสะสมยอดเงินให้ถึงเกณฑ์การถอนถึงจะถอนได้ ซึ่งOokbee ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนผ่านธนาคารอีก
- ปัญหาความเป็นเจ้าของ บรรดาผู้จัดทำ Content แทบทุกคนบนโลกยังไงก็ต้องโปรโมตผ่าน Platform Centralized อย่าง Facebook, Youtube, App store, Sony music, etc กันอยู่แล้ว แต่ความเป็นเจ้าของผลงานที่พวกเค้าพยายามสร้างมากลับไม่ใช่ของพวกเค้าโดยแท้จริง เพราะไม่สามารถทำการขายหรือโอนแลกเปลี่ยนตัวผลงานได้ อย่างเช่นนักร้องย้ายค่ายแล้วไม่สามารถร้องเพลงเก่าจากค่ายเดิมได้ทั้งที่อาจจะเป็นผลงานของตัวเองทั้งหมด
- ปัญหาเครดิตของผู้จัดทำContent การที่จะทำการกู้ยืมเงินหรือบัตรเครดิตเป็นเรื่องยากสำหรับบรรดา Freelance อยู่แล้วเพราะไม่มีหลักฐานรายได้ประจำที่ชัดเจนแล้วถ้าเกิดมีปัญหาที่ต้องใช้เงินเร่งด่วนเข้ามาพวกเค้าจะทำยังไง
จากปัญหาดังกล่าวจะสามารถแก้ได้ด้วย Smart Payroll, Liqui Pay, SIX Wallet ซึ่งเป็น Decntralized Service Solution ที่ทางทีม SIX network คิดค้นขึ้นมาครับ
Decntralized Service Solution
Smart Payroll
คล้ายๆระบบการชำระเงินปกติแต่ต่างตรงที่มันจะอยู่บนระบบ Blockchain และใช้ Smart contract ในการจัดการค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผลซึ่งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโหดๆให้ตัวกลางอีกต่อไป โดยหลังจากที่ User ซื้อผลงาน ผู้จัดทำก็จะได้รับเงินในเวลาไม่นานและสามารถนำไปใช้งานต่อได้ทันทีและไม่มีขั้นต่ำในการถอน
Liqui Pay
ตรงตามชื่อเลยคือจะเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับบรรดา Creative worker โดยมีระบบเหมือนการกู้ยืมปกติแต่ในที่นี้ส่วนใหญ่จะเป็นระหว่าง พันธมิตรในเครือของ SIX และ Creative worker ซึ่งจะใช้ผลงานของตัวเองเป็นตัวค้ำประกันในการขอกู้ยืมเงินโดยผ่านฟังค์ชั่นที่มีชื่อว่า Instant Pay จะขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพตามนี้ครับ
นายแมนเป็นนักเขียนการ์ตูนที่อยู่ในระบบ SIX network ซึ่งติดสัญญา6เดือนในระบบกับ App Ookbee comics อยู่ โดยค่าตัวของนายแมนได้เดือนละ 3,000 SIX สำหรับการลงการ์ตูนในทุกสัปดาห์ แต่แล้ววันหนึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานของนายแมนเกิดพัง และนายแมนไม่มีเงินสำรองเหลืออยู่สำหรับค่าคอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นปกตินายแมนอาจจะต้องไปกู้เงินนอกระบบเพื่อมาซื้อคอมทำงานแต่ด้วยระบบ Liqui Pay ของ SIX network นายแมนสามารถที่จะยื่นขอกู้เงินเดือนล่วงหน้า2เดือนจำนวน 5,700 SIX ได้ทันทีโดยนำผลงานที่เค้าเคยเขียนไว้ใช้ค้ำประกัน หลังจากนายแมนได้ 5,700 SIX มาก็นำมาแลกเป็นเงินบาทเพื่อนำไปซื้อคอมมาใช้ทำงานต่อไป ซึ่งนายแมนจะกลับมาได้รับเงินเดือนก็หลังจากครบ2เดือนที่ได้ขอกู้ล่วงหน้ามาแล้วนั้นเองครับ
SIX Digital Asset Wallet
จะเป็นกระเป๋าเงินที่นอกจากจะเก็บ cryptocurrency ต่างๆแต่ฟังก์ชั่นที่ทางทีม SIX project อยากจะทำเพิ่มให้เหนือกว่าคือสามารถเก็บลิขสิทธิ์ผลงานดิจิตอลต่างๆไว้ในกระเป๋าได้รวมถึงการซื้อขายแบบ Wallet to Wallet (W2W) ก็สามารถทำได้ทันที นอกจากนี้ประโยชน์สำหรับการโอนย้ายลิขสิทธิ์กันบน Blockchain ยังมีในเรื่องของการตกลงที่จะนำผลงานไปแปลเป็นภาษาท้องถิ่นต่างๆซึ่งทีมงานวางแผนไว้ว่าจะสามารถตัดค่าลิขสิทธิ์ผลงาน ค่าแปลต่างๆผ่าน smart contract ได้ทันทีไม่ยุ่งยาก
โดยคุณหมู Ookbee 1ในผู้ก่อตั้งโปรเจค SIX Network ได้เผยมาว่าวางแผนที่จะมีฟังก์ชั่นสำหรับการออกเหรียญสำหรับศิลปิน นักร้อง เน็ตไอดอลต่างๆ เพื่อให้แฟนคลับได้สะสมกัน ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็น BNK48 Token ที่มาพร้อมรูปถ่ายแบบSSR เปิดประมูลราคากันไม่หวาดไม่ไหวก็เป็นได้ (ไม่แน่นะเพรา CEO ของ BNK48 เป็นที่ปรึกษาอยู่)
Loyalty&Point Tokens
*ส่วนของ Road Map, Team, Advisor จะขอข้ามไปสรุปในส่วนของข้อดีข้อเสียเลยเพื่อความกระชับนะครับ
รายละเอียด ICO ที่สำคัญ
- Soft Cap 15ล้าน$ ,Hard cap ประมาณ 43ล้าน$ และจะมีโบนัสสำหรับรอบ Presale 6%
- Token มีทั้งหมด 1,000,000,000 ล้านเหรียญ แบ่งออกเป็นดังรูปด้านล่าง โดยในส่วนของทีมงานจะล็อคไว้ 1-2ปีครับ
- 1 SIX = 0.1$ (ประมาณ 3บาทต่อ1เหรียญ)
- ช่วงระดมทุนจะเริ่มตั้งแต่ 3 เมษายน (Presale) จนถึง สิ้นเดือนพฤษภาคมหรือจนเหรียญหมด
- รับสกุลเงินเป็น XLM และ ETH
- SIX จะอยู่บน blockchain ของ Stellar Lumen (XLM)
- มี KYC ซึ่งสามารถไปสมัครได้ที่ลิงค์ด้านข้าง https://ico.six.network/login.html
Q&A สุด Exclusive
Bitcoin Addict: ขอโทษนะครับคุณหมูผมขอถามตรงๆเลยเนื่องจากมีหลายต่อหลายคนมองว่าการทำ ICO ของ ookbee รอบนี้เป็น Exit strategey ทาง ookbee มีความเห็นว่าอย่างไรครับ
คุณหมู CEO: ผมขอตอบเลยว่าไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับ Exit Strategy แต่อย่างใดครับ ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเปิดบริษัทใหม่ขึ้นมาทำ ICO โดยบริษัทนี้เป็นหุ้นกันระหว่างทาง Ookbee U และกลุ่ม YDM ของทางเกาหลี ซึ่งทั้ง2บริษัทยังได้ซื้อ Token SIX ประมาณ 2 ล้าน$ โดยถูกมาร์กไว้ว่าไม่สามารถนำไปขายต่อทำกำไรโดยตรงได้ ต้องนำไปใช้จ่ายออกไปยัง Creators ผ่านทางระบบเท่านั้นเพื่อช่วยสร้าง Ecosystem
การระดมทุนใน SIX จะได้เงินสำหรับทำ Project SIX โดยไม่ได้ทำให้ Ookbee หรือ Ookbee U มี Exit แต่อย่างใด ถ้าหาก Project SIX สำเร็จด้วยดีก็ Ookbee และ YDM อาจจะได้มูลค่าเพิ่มจากการถือหุ้นบริษัท SIX และ Token ที่นำไปใช้ในระบบมีมูลค่าสูงขึ้นในระยะยาวเท่านั้น ท้ายที่สุด exit ของ ookbee ก็คงเป็น IPO (หวังว่า) หรือ MnA ครับ
Bitcoin Addict: เห็นงบการเงินในส่วนของปี 2558 กับ 2559 ติดลบอยู่พอสมควรอยากทราบเหตุผลครับ
คุณหมู CEO: อันนี้ต้องขอตอบยาวหน่อยนะครับ อย่างที่ทราบว่าการทำ ธุรกิจใหม่ๆในปีแรกๆคงต้องขาดทุนบ้าง และในกรณีนี้เราขยายและมีการทำ MnA ถึง สิบกว่าธุรกิจ (Joylada, Tunwalai, Kidmook,etc) จึงไม่น่าแปลกว่าทั้งกลุ่มจะมีตัวเลขติดลบครับ ตอนต้นปี 2017 เราขายสินทรัพย์ UGC 6 จาก 12 ตัวไปพร้อมนำเงินมาทำ JV กับ Tencent และระดมทุนกับ Tencent มาอีก 19 ล้านเหรียญเกิดเป็น Ookbee U หลังจากนั้น Ookbee ก็ปรับโครงสร้างปิด ookbee mall เพื่อตัดขาดทุนและเริ่มเห็นแนวโน้มธุรกิจความเป็นไปได้ใน PGC ที่จะอยู่รวมกับ UGC ของเรา
ที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลสรุปปี 2017 ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี Ookbee เองกลับมามีกำไรต่อเนื่องโดยปีนี้กำไรประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งสามารถล้างขาดทุนสะสมที่ค้างมาตั้งแต่เปิดได้ทั้งหมด
*Disclaimer Ookbee U (ที่เป็น JV กับ Tencent ที่กล่าวมาข้างบน) เป็นบริษัทที่ทำ ICO โดยปีที่แล้วยังขาดทุนอยู่นะครับ แต่ก็เนื่องจากเป็นปีแรกและเราลงทุนเยอะ (แต่เป็นการขาดทุนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับ cash reserve ที่มีล่าสุดตอนนี้มีเงินสดถือประมาณ 650 ล้านบาท) แต่ผู้ใช้งานและเวลาที่คนใช้ในแต่ละวันเติบโตต่อเนื่อง และถ้านับผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ของ Ookbee U ยังไม่ได้เก็บเงินจากผู้ใช้มีแต่ค่าโฆษณา (UGC ส่วนใหญ่ต้องให้ใช้ฟรีให้นานที่สุดเพื่อขยายฐานผู้ใช้) แต่บาง service ที่เริ่มเก็บเงินแล้วก็ไปได้ค่อนข้างดี เรามีรายได้โตสองดิจิตทุกเดือน และบริษัทยังมีเงินทุนที่ระดมมาต้นปี 2017 ก็ยังใช้ไปแค่ประมาณ 10% ซึ่งก็น่าจะพอไปอีกหลายๆปีแน่ๆ และเรากำลัง on track ที่จะทำกำไรภายปีนี้แล้ว และรายได้ของ Ookbee U น่าจะสูงกว่า Ookbee ภายในสิ้นปีนี้
ที่เล่ามาคืออยากชี้แจงว่าตอนนี้ ภาพรวมเราคือเครือเราอยู่ใน mode growth มากๆ และน่าจะผ่าน mode survival มาแล้ว เผื่อคนที่ดู ICO ตัวนี้จะได้พอวางใจไประดับนึงก่อนถึงพื้นฐานบริษัทที่มาร่วมทำ เผื่อไว้ใช้ในการจะตัดสินใจครับ
Bitcoin Addict: โปรเจค SIX network ที่ต้องการกำจัดตัวกลางทิ้งมันดูจะขัดแย้งกับโปรเจคปัจจุบันของ Ookbee U ทางทีมงานมีความเห็นว่าอย่างไรครับ
คุณหมู CEO: การทำ ICO ของ Ookbee U เป็นการลดความเสี่ยงโดยไปสวมบทบาทของ Disruptor ที่พยายามจะ disrupt แพลทฟอร์มต่างๆและให้คืนอำนาจการต่อรองไปสู่ Creators แทน (ซึ่งแพลทฟอร์มในที่นี่ก็รวมของ Ookbee U เองด้วย แต่ถ้าเราไม่ทำก็อาจจะมีคนอื่นมาทำให้เราต้องเปลี่ยนตัวเองในที่สุดอยู่ดี) ถ้าสิ่งที SIX พยายามทำสำเร็จ อาจไม่ถึงขั้นทำให้ตัวกลางหายไปแต่คงได้รับผลกระทบแต่ Ookbee Uเองก็จะได้ประโยชน์จากการเป็นผู้ทำ SIX ขึ้นมาครับ
Bitcoin Addict: ถ้าเข้าใจไม่ผิด SIX network เป็นโปรเจคระดับ global ใช่มั้ยครับแต่เท่าที่ตามดูการตลาดนอกประเทศไทยยังไม่ค่อยแข็งแรง มีแผนจะทำยังไงครับ (ผมดูจาก telegram) ซึ่งตรงนี้มันน่าจะส่งผลกระทบแน่ๆกับรอบ Presaleครับ รวมถึงสำหรับคนไทยด้วย WPP น่าจะมีสำหรับภาษาไทยนะครับ
คุณโบ๊ท COO: เรื่องการตลาดกำลังเร่งเครื่องกันอยู่ครับ ในช่วง 3-6 เมษานี้ (หลังเปิด Presale เลย) CEO ของเราทั้งสองท่านมีไป Roadshow ที่ญี่ปุ่น หลังจากนี้ก็มีงานเปิดตัวเกาหลีรวมถึงโปรแกรมต่างๆ ที่เตรียมเอาไว้ค่อนข้างอัดแน่น โดยฝั่ง Partners ของเราก็มีเครือข่ายของ Crypto Influencers ต่างๆ ทั่วโลกอยู่ เดี๋ยวคงมี Content ทยอยออกมาเรื่อยๆ ครับ ส่วนภาษาไทยเดี๋ยวคงทยอยตามมาเช่นกันครับ ตอนนี้ทีมงาน Operation เรายังเล็ก ถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องภาษาอาจต้องรอสักนิดครับ หรือจะฟังจากงานเปิดตัวที่ผ่านมาก่อนก็ได้ครับ (https://www.facebook.com/thesixnetwork/videos/940776619431778/?t=4025)
Bitcoin Addict: จากข้อด้านบนถ้าเกิดเป็นในสถาณการณ์นี้ต่อไปแล้ว ICO ไม่ถึง soft cap จะทำอย่างไรครับ
คุณโบ๊ท COO: เราจะคืนเงินทั้งหมด ให้กับ Investors ทุกท่าน ตาม Address ที่ส่งมาครับ ส่วนบริษัทก็จะทำงานต่อไป เพราะเราระดมทุนภายในกันมาประมาณนึงแล้วดังนั้นเรามองภาพ ICO เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นในการทำให้เป็น Global reach ที่ใหญ่กว่าตัวพวกเรา ไม่ใช่แค่ช่องทางในการระดมทุนจากศูนย์ ไม่ว่า ICO จะสำเร็จหรือไม่ตัว SIX.network ก็มีแผนที่จะพัฒนาต่อไปครับ
Bitcoin Addict: อยากทราบรายละเอียดของนักลงทุนรอบ Private ที่ได้ลงทุนไปแล้วครับ
คุณโบ๊ท COO: มีล็อคครับ โดยจะทยอยออกให้เรื่อยๆ ไม่ใช่ตู้มเดียวเพราะเราไม่อยากเห็นการ Pump and Dump ของตลาด ส่วนของ Private investor มีส่วนลดมากกว่า Public pre-sale นิดหน่อย
Bitcoin Addict: แผนการเข้า exchange ที่อื่นที่ไม่ใช่ในไทยพอจะมีติดต่อไว้บ้างมั้ยครับ
คุณโบ๊ท COO: มีแน่นอนครับ เดี๋ยวจะทยอยออกข่าวมาให้เรื่อยๆ จะมีตั้งแต่ในไทย, เกาหลี, จนถึง Global Exchanges แน่นอน ถึงที่ไหนจะเก็บภาษียังไง ก็จะมีที่ทางเลือกอื่นๆ ให้ Trade ได้ครับ
Bitcoin Addict: ผมเข้าใจว่าเกาหลียังแบน ICO อยู่แล้วอย่างงี้จะเจาะตลาดให้คนเกาหลีมาระดมทุนได้ยังไงครับ (เห็นในเว็บมีภาษาเกาหลี) หรือถ้ามาลงได้มันเสี่ยงต่อกฎหมายรึเปล่าครับ
คุณโบ๊ท COO: อันนี้น่าจะเข้าใจผิดนิดนึงครับ ทางเกาหลีไม่ได้แบน ICO นะครับ จริงๆ แล้ว Exchange สามอันดับแรกในเกาหลีรวมกันมีมูลค่าเท่ากับ 30% ของปริมาณการเทรดคริปโตทั้งโลกอีกด้วย (แค่ Coinone ที่อยู่ภายในเครือเดียวกันกับเรา มีมูลค่าการเทรดประมาณวันละ $100 ล้านเหรียญ แล้วครับ) และไม่มีกฎหมายห้ามนักลงทุนทั้งส่วนบุคคลและสถาบันมาลงทุนใน ICOด้วยเช่นกัน
ส่วนที่รัฐบาลเกาหลีห้ามในตอนนี้คือ ห้ามบริษัทสัญชาติเกาหลีออก ICO เอง แต่สุดท้ายการทำงานตรงนี้เป็นภาพระดับ Global ครับ บริษัทที่ตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยีพวกนี้จริงๆ ก็มีที่ในการไปอยู่ดี มีรัฐมากมายที่อยากเป็น Platform และจับโอกาสที่จะเกิดขึ้นใหม่ๆ เหล่านี้โดยมองตัวเองเป็นผู้สนับสนุนมากกว่าคนคุมประตูครับ (อันนี้ผมไม่ได้พูดให้กระทบประเทศไทยเรานะครับ 55)
Bitcoin Addict: สมมติผมเป็นนักเขียนในระบบ SIX network และได้รับค่าตอบแทนจากงานเขียนมาเป็น SIX token แล้วผมสามารถแลกเงินเป็นบาทกลับมาได้ผ่าน exchange เท่านั้นรึเปล่าครับหาไม่เจอใน WPP หรือผมเลือกที่จะรับเป็น Fiat ได้เลยครับ
คุณโบ๊ท COO: เราจะมี Exchange partners มาทำงานตรงนี้ให้ครับ โดยจะเป็น option ให้ผู้ใช้บริการเลือก exchange ที่เหมาะสมตามแต่ละประเทศ และแผนที่เราวางไว้คือ ตัว Wallet จะต่อกับ Exchange ให้ได้เลย และมีให้เลือกแต่ไม่บังคับว่าจะต้องเป็นรายนู้นรายนี้ หากในอนาคต DEX มี liquidity พอจะทำหน้าที่ตรงนี้ ก็จะเป็นสิทธิ์ของผู้ใช้งานในการเลือกทางเลือกที่เค้าคิดว่าดีที่สุดจริงๆ
ในส่วนนี้จริงๆ มีคิดไปไกลกว่านั้นมาก แต่วันนี้ด้วยเรื่องกฎหมายที่ยังไม่ค่อยชัดเจนแล้ว เราขอนำมาใส่ไว้ใน Whitepaper เท่านี้ก่อนครับ
Bitcoin Addict: แล้วก็งงอีกเรื่องครับ Tokenization for Business Works เนี่ยมันเหมือนจะออกขอบข่ายคอนเซปไปหน่อย ซึ่งผมเข้าใจว่ามันเป็นโครงการคร่าวๆในอนาคตใช่มั้ยครับไม่ได้มาโฟกัสตรงนี้แต่แรก
คุณโบ๊ท COO: เราให้ความสนใจส่วนนี้พอสมควรครับ ขอเล่าท้าวความก่อนนิดนึงนะครับว่า Tokenization for business ที่เราระบุไว้ใน Whitepaper คืออะไร
– ทุกวันนี้มีพวก แต้มสะสม พวก loyalty points, แต้มบัตรเครดิต,Web credits, แต้มสายการบิน, ฯลฯ อยู่ในเกือบๆ ทุกธุรกิจ.. เพราะเค้าเอาไว้ใช้กันภายใน แต่แต้มพวกนี้ก็มาพร้อมกับภาระหน้าที่หลายอย่างเช่น การบริหาร Inventory, งาน Admin ที่ต้องมาบริหาร Book, วันหมดอายุต่างๆ และสุดท้ายคือ ด้วยความที่แต่ละที่แบ่งกันทำจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า Information Silos แยกกันเป็นก้อนๆ ในแต่ละบริษัท ไม่สามารถนำมาแลกเปลี่ยน และสร้างความร่วมมือระหว่างธุรกิจกันได้ง่ายๆ.. ทั้งหมดนี้ เราเรียกว่าเป็นปัญหาเรื่อง Liquidity ในการแลกเปลี่ยน
– มีคนพยายามรวมพวกแต้มพวกนี้มาหลายครั้งแล้วครับ แต่ทำทำไม่สำเร็จสักที อีกเรื่องหนึ่งก็คือพอพวกแต้มเหล่านี้ไหลออกไปแตะเงินสกุลของชาติต่างๆ ก็จะโดนภาษี และยังโดนค่าธรรมเนียมขาออกของ Payment processor ต่างๆ ด้วย.. เลยไม่เห็นจุดคุ้มในการทำ
– SIX เรามองตรงนี้ว่าสำคัญ ถ้าสามารถทำให้การแลกเปลี่ยนนี้คล่องตัวมากขึ้นได้ ทั้งในระดับของธุรกิจ และระดับของผู้บริโภค.. ยกตัวอย่างเช่น สมมุติ Ookbee มีแต้มคงค้างในระบบอยู่แล้วเทียบมูลค่าเท่ากับ 1M SIX.. Ookbee สามารถนำแต้มนี้ไปคุยดีลเพื่อสร้างความร่วมมือร่วมกันกับธุรกิจในเกาหลี หรือในจีน ที่อยู่ใน Network ของ SIX ได้ทันที.. ทำการ Barter กันโดยใช้ SIX เป็น medium of exchange เพื่อเกิดการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องไปวุ่นวายหาออฟฟิต ติดต่อทนาย ฯลฯ ซึ่งยิ่งแต่ละกลุ่มธุรกิจเมื่อสามารถบริหารแต้มพวกนี้ให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันได้คล่องตัวขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเปิดรับโอกาสจากทั่วมุมโลกครับ และ upside คือลูกค้าสามารถมาได้จากทุกมุมโลก (เพราะพวกธุรกรรมใน Digital economy ส่วนใหญ่ซื้อขายกันได้ออนไลน์อยู่แล้ว)
– ในระดับของผู้บริโภค (หรือผู้ถือเหรียญ SIX) ลองจินตนาการดูว่า สมมุติคุณมีแต้มบัตรเครดิตเหลืออยู่แสนแต้ม พอดีอยากไปต่างประเทศพอดี สามารถนำแต้มนั้นมาแลกเป็นแต้มสายการบินเพื่อเดินทาง แล้วเมื่อไปถึงยังสามารถนำแต้มส่วนที่เหลือไปซื้อของกินจากธรุกิจต่างๆ ที่อยู่ในเครือข่ายเราได้อีกด้วย และยิ่งเมื่อธุรกิจต่างๆ เชื่อมโยงกันได้มากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกรรมภายในเหล่านี้เรามองว่าสำคัญกว่าที่คนจะต้องนำไป exchange ออกไปเป็นเงินตราของประเทศต่างๆ อีกครับ เพราะจุดนั้นมักโดนตัวกลาง (คือรัฐ) เก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษีต่างๆ แต่การที่ Token ต่างๆ ที่เกิดมาจากธุรกิจจริงๆ แลกเปลี่ยนกันได้ จะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ครับ
– ในช่วงแรก เราคงยังไม่ได้มีเครือข่ายมากนัก เราเลยบอกว่าเงินระดมทุนส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งของเราจะนำไปบริหาร Blockchain Startup Fund ครับ ซึ่งเปิดให้ตั้งแต่ Early Stage จนถึง Startup level unicorn ต่รางๆ มาร่วมมือ และยิ่งเครือข่ายเหล่านี้ขยายไปได้เรื่อยๆ นี่คือภาพของการต่อชิ้นส่วนเพื่อ Reinvent Digital Economy ที่เราวางเอาไว้ใน Vision ครับ
จุดเด่น
- Roadmap ในแผนงานมีความคืบหน้าได้ค่อนข้างเร็ว อ้างอิงตาม WPP เราจะได้เห็นโปรเจคเป็นรูปเป็นร่างในไตรมาส1 ปี2019
- มีทรัพยากรพร้อมในการทำโปรเจคทั้งทีมงานและที่ปรึกษาที่อาจจะได้นำเทคโนโลยีของ SIX ไปใช้ได้จริงๆ
- มีฐาน User ค่อนข้างเยอะและพร้อมที่จะนำ App ในเครือต่างๆมาพัฒนาเข้าในระบบของ SIX
- แนวทางไอเดียมีการต่อยอดและพยายามคิดทบทวนมาจากไอเดียเดิมๆที่มีอยู่ทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
จุดพิจารณา
- การตลาดสร้างความ Hype ในต่างประเทศไม่ค่อยมีซึ่งขัดกับตัวโปรเจคเองที่เล็งในระดับ Global scale
- มีคู่แข่ง Centralized platform ที่ติดตลาดแล้วจำนวนมาก การที่จะไป Disrupt พวกนั้นได้อาจจะต้องใช้เวลานาน
- ราคาที่จะสูงขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ในระบบเท่านั้น ซึ่งทางทีมงานยังไม่มีแผนอย่างอื่นที่เพิ่มมูลค่าของราคาเช่น ทำการเผา SIX ที่เป็นกำไรทิ้งในทุกไตรมาส (ในส่วนนี้ทางทีมงานยังไม่มีแผนและอาจจะพิจารณาในภายหลัง)
สรุป
ในระยะยาวมีความเป็นไปได้ที่เทรนด์ในแนวนี้จะมา เพราะถ้าเราลองสังเกตุดูให้ดีๆในปัจจุบันทีวีเริ่มจะไม่ค่อยมีคนดูกันแล้ว ทุกคนเริ่มมาเสพ Content ต่างๆผ่าน Facebookและ Youtube ซึ่งไม่แน่ว่าเทรนด์ถัดไปที่จะมาถึงคือคนดูยอมที่จะจ่ายเงินเล็กน้อยแลกกับการไม่ต้องดูโฆษณา และคนทำ Content ก็ไม่อยากโดนคนกลางเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตน ทุกคนเลยเลือกมาซื้อขายผลงานผ่าน Decentralized Platform แทนแต่ก็ขึ้นอยู่กับการตลาดของทีมงานที่จะสามารถหาผู้ใช้งานและพันธมิตรที่จะนำพาโปรเจคไปได้ไกลขนาดไหน
เพื่อนๆสามารถเข้าไปติดตามข่าวสารหรือให้กำลังใจ SIX Networkได้ดังลิงค์ต่อไปนี้
Website: six.network
Facebook: https://www.facebook.com/thesixnetwork
Telegram: https://t.me/SIXNetwork
WPP: https://six.network/documents/SIX-whitepaper-en.pdf
หมายเหตุ: การลงทุนใน ICO มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน (Do your own research) ซึ่งทางทีมงาน Bitcoin Addict Thailand จะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียทุกกรณี