ผู้ว่าการแบงก์ชาติจีนคนใหม่ที่มีเเนวคิด Pro-Market จะส่งผลอย่างไรกับอุตสาหกรรม Cryptocurrency?

0
1105

นายอี้ กัง ได้รับการเเต่งตั้งจากรัฐบาลจีนให้ดำรงตำเเหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติจีน (PBoC) ซึ่งการตั้งนักเศรษฐศาสตร์ที่มีเเนวคิด pro-market คนนี้ อาจส่งผลดีต่อตลาด cryptocurrency

Pro-market – สนับสนุนตลาดเสรี

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายอี้ กัง ผู้ว่าการแบงก์ชาติจีนคนใหม่ นั้นสนับสนุน pro-market โดยก่อนหน้าการเเต่งตั้งนั้น นายอี้ กัง ก็ได้เน้นยํ้าอย่างต่อเนื่องถึงความสำคัญของการเปิดเสรีทางการตลาด ทั้งยังเชิญชวนนักเศรษฐศาสตร์รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินที่สามารถสนับสนุนแผนการในระยะยาวของเขาเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้เเก่ตลาดของประเทศจีน

ภายในสัปดาห์เดียวกันนี้ รัฐบาลจีนก็ได้อนุญาตให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาลงทุนในภาคการชำระเงินของประเทศได้ โดยจะต้องเเข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง AliPay ของ Alibaba และ Tencent Pay ของ Tencent

เพิ่มเติม – ความสำเร็จจากเกมส์ของ Tencent

Tencent ประสบความสำเร็จจากการซื้อกิจการมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมไปถึง Riot Games บริษัทพัฒนาเกมส์ผู้อยู่เบื้องหลังเกมส์ออนไลน์ชื่อดัง League of Legends (LOL) โดยในเดือนพฤศจิกายน 2017 Tencent มีมูลค่าทางการตลาดเเซงหน้า Facebook หลังจากที่ได้เป็นบริษัทเอเชียเเห่งเเรกที่มีมูลค่าทะลุ 5 เเสนล้านเหรียญ และยังทิ้งห่าง Facebook จากเหตุการณ์อื้อฉาวระหว่าง Cambridge Analytica  ที่ทำให้ Facebook มีมูลค่าทางการตลาดลดลงเกือบ 7 หมื่นล้านเหรียญ จาก 5.17 เเสนล้านเหรียญ เป็น 4.45 แสนล้านเหรียญ

ในปี 2016 ได้มีการเปิดเผยว่ามีผู้ชมเกมส์ LOL มากกว่ารอบชิงชนะเลิศของ NBA โดยรอบชิงชนะเลิศของ LOL’s professional esports league ถูกจัดที่สนามกีฬาแห่งชาติกรุงปักกิ่ง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าสนามกีฬารังนก ซึ่งสามารถจุคนได้ถึง 91,000 คน  รายงานกล่าวว่า มีผู้ชมรอบชิงชนะเลิศของ NBA เป็นจำนวน 31 ล้านคนทั่วโลก ขณะที่รอบชิงชนะเลิศของ LOL มีผู้ชมถึง 36 ล้านคนด้วยกัน

ความสำเร็จของ Tencent และการครอบงำอุตสาหกรรม esports ทั่วโลก เช่นเดียวกับ โซเชียลเน็ตเวิร์ค การส่งข้อความ และตลาดการชำระเงิน นั้นสำคัญที่จะต้องรู้ เนื่องจากเป็นครั้งเเรกในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลจีนได้เปิดให้มีการเเข่งขันของบริษัทในภาคการเงิน

ตลาดการชำระเงินสำหรับบริษัทต่างชาติ

เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา Bloomberg ได้รายงานว่ารัฐบาลจีนได้เปิดตลาดการชำระเงินมูลค่า 27 ล้านล้านเหรียญ แก่บริษัทต่างชาติอย่างเป็นทางการ และได้เปิดให้บริษัททั้งหลายยื่นขอใบอนุญาตได้ โดยนางสาวไอริส ปัง นักเศรษฐศาสตร์ชาวฮ่องกงจาก ING Groep NV กล่าวกับ Bloomberg ว่า

ตลาดภายในประเทศค่อนข้างอิ่มตัวกับบริษัทภายในประเทศที่เเข็งเเกร่งมาก เเละมันค่อนข้างยากสำหรับบริษัทต่างชาติที่จะเเย่งชิ้นส่วนของพายนี้ แต่มีโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะแข่งขันในตลาดการชำระเงินข้ามประเทศ

ในตลาดอื่น เช่น โซเชียลมีเดีย เสิร์จเอนจิ้น เเละการส่งข้อความ รัฐบาลจีนได้เเบนกลุ่มบริษัท เช่น Facebook เเละ Google ไม่ให้ดำเนินกิจการภายในประเทศด้วยเหตุผลต่างๆ แต่เหตุผลหลัก คือ เพื่อให้เเน่ใจว่า platform ภายในประเทศอย่าง QQ เเละ YouKu สามารถครอบครองตลาดได้ทั้งหมด

การเคลื่อนไหวของรัฐบาลจีนเเละ PBoC ที่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคการชำระเงินนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการเคลื่อนไหวในเชิงบวกต่อการเปิดเสรีทางการตลาดนั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดการคาดการณ์เกี่ยวกับตลาด cryptocurrency และท่าทีของรัฐบาลจีนกับ PBoC เกี่ยวกับตลาด cryptocurrency

การบรรยายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

ในเดือนกันยายน 2017 หลังจากที่ PBoC และรัฐบาลจีน ได้สั่งระงับการซื้อขาย cryptocurrency อย่างเข้มงวด นักวิเคราะห์ จอห์น คริสซี่ ได้อธิบายว่า PBoC ได้ดำเนินการดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการบรรยายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นายคริสซี่ กล่าวว่ารัฐบาลจีนน่าจะเปิดตลาด cryptocurrency อีกครั้งเมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้จัดตั้งรัฐบาลของเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

หากพูดถึงในอดีตนั้นประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่เกี่ยวกับตลาดเสรีซึ่งเห็นได้มานานระยะหนึ่งเเล้ว และผมหวังว่าเเนวคิดนี้จะดำเนินต่อไป แต่สำหรับตอนนี้นายสี จิ้นผิงต้องจะร้องขอต่อผู้คนที่ช่วยให้เค้าอยู่ในอำนาจได้ คือ พรรคคอมมิวนิสต์ ในความคิดของผมเเล้ว การเเบนตลาดเเลกเปลี่ยน cryptocurrency เป็นเเค่การทักทายกันชั่วคราวเท่านั้น สมมุติว่าถ้าเป็นเรื่องจริง พวกเราควรจะทำอย่างไรกับมันดี

จวบจนบัดนี้ รัฐบาลจีนเเละประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เเสดงความเเน่วเเน่ที่จะดำเนินเเผนการเพื่อเปิดเสรีทางการตลาดจีน เริ่มจากภาคการชำระเงินที่ถูกครอบครองโดยบริษัทในประเทศเป็นส่วนใหญ่

เป้าหมายต่อไปสำหรับรัฐบาลจีนอาจจะเป็นตลาด cryptocurrency เนื่องจากการที่รัฐบาลจีนไม่ได้ดำเนินการใดเพิ่มเติมที่จะระงับกิจกรรมหรือโปรเจคต่างๆที่เกี่ยวกับ cryptocurrency ภายในประเทศ ทำให้โปรเจค blockchain จากประเทศจีน อย่างเช่น VeChain และ NEO สามารถพัฒนาต่อไปได้ ทั้งนี้เพราะว่ารัฐบาลจีนห้ามเฉพาะการซื้อขาย cryptocurrency เท่านั้น ไม่ได้ห้ามการถือครอง

Cryptocurrency จีน

VeChain, NEO และ Qtum เป็นโปรเจคมูลค่าหลายพันล้านดอลล่าร์ที่ถูกพัฒนาโดยทีมงานจากประเทศจีน โดยข้อเท็จจริงเเล้ว cryptocurrency ทั้งสามสกุลนี้ มีบางเหรียญที่อยู่ในกลุ่มของ cryptocurrency ขนาดใหญ่ในตลาดโลก ดูได้จาก NEO ที่มีมูลค่ามากเป็นลำดับที่ 9 ด้วยมูลค่า 3.7 พันล้านเหรียญ

Cryptweeter ซึ่งเป็นนักวิจัย cryptocurrency ชื่อดัง ได้ระบุว่าสื่อของรัฐรวมไปถึง Yicai ได้รายงานข่าวถึง VeChain ซึ่งเป็นโปรเจค blockchain ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนไว้ว่า

พวกเขาเริ่มที่จะได้รับการหยิบยกจากสื่อหลักในประเทศจีน โดยสื่อที่สะดุดตาที่สุด คือ Yicai ที่ทั้งทวีตเเละรีทวีตถึง VeChain เยอะมากช่วงนี้ ทั้งนี้ Yicai คือสื่อของรัฐที่เป็นหนึ่งในสื่อด้านการเงินเเละการลงทุนชั้นนำของประเทศ

เมื่อพิจารณาจากการที่รัฐบาลจีนสนับสนุนโปรเจค blockchain ในประเทศ การพัฒนา และการเเต่งตั้งนายอี้ กัง นักเศรษฐศาสตร์ที่มีเเนวคิด pro-market เป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติจีน อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการออกกฏหมายสนับสนุน blockchain ในระยะกลางถึงระยะยาวนี้

แม้ว่ารัฐบาลจีนจะสั่งระงับการซื้อขาย cryptocurrency แต่เป็นไปได้สูงมากทีจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านายอี้ กัง ยังคงดำเนินเเผนการในระยะยาวเพื่อเปิดเสรีทางการตลาดจีนและอุตสาหกรรมชั้นนำต่างๆของประเทศ เช่น ภาคการเงินและการชำระเงิน

ที่มา cointelegraph.com

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.