-ขอเเนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผม Crypto_pirlo เอง .. ที่ใช้ชื่อนี้เพราะว่าชื่นชอบกองกลาง อิตาลี ที่ชื่อว่า andrea pirlo นั่นเอง .. ซึ่งน่าเสียดายมากๆครับ ที่ปีนี้อิตาลีจะไม่ได้ไปเล่นบอลโลก รอบสุดท้าย -___-”
-ผมนั้น เป็น Fulltime Trader ที่ลงทุนใน หุ้น เเละ TFEX หันมาสนใจ Crypto เมื่อปีที่เเล้วนี่เองครับ จากคำชักชวนของเพื่อนท่านนึงที่บอกว่า “นี่คือการเปลี่ยนเเปลงครั้งยิ่งใหญ่ สำหรับระบบเงินตรา โอกาสเเบบนี้ อาจจะมีเเค่ 100ปีครั้ง เท่านั้น ถ้าเราไม่เข้ามาศึกษา พอเรามองย้อนกลับมาทีหลัง อาจจะเสียดายไปตลอดชีวิตก็ได้ “ ประโยคนี้เลยครับ ทำให้ผมต้องเข้ามาศึกษาอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นจากการเข้าไปอ่าน Page ของคุณ Coin Man / SiamBlock Chain / Bitcoin Addicted / นักขุด Altcoin เรียกว่าที่ไหนที่เกี่ยวกับ ICO ผมก็จะไปตามอ่านทั้งหมดเท่าที่หาได้ครับ
-สำหรับผมนั้น จะเข้ามาช่วยดูเเลเพื่อนๆ ในส่วนของการให้ความรู้ที่เกี่ยวกับ กราฟต่างๆ เเละการจัดพอร์ตให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยพยามจะเอาเรื่องต่างๆที่ทำอยู่ในปัจจุบันจริงๆ เเละจากประสบการณ์ที่ลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง มาถ่ายทอดครับ
-เรื่องเเรกเกี่ยวกับ การลงทุนใน ICO ที่ผมมองว่ามีความสำคัญมากๆ คือเรื่องของการจัดพอร์ต เพื่อเเบ่งสรรทรัพยากรต่างๆ ที่เรามี ผมมองคล้ายๆกับการเล่นเกมส์ครับ ถ้าเราวางเเผนได้รัดกุม เราสามารถที่จะชนะเกมส์นั้นได้ การหมุนเหรียญเราจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะไม่พบกับสภาวะเหรียญไม่พอที่จะลง เวลาที่เจอ ICO ตัวดีๆมา
-ผมขอยกตัวอย่างรูปเเบบการจัดพอร์ตมาจาก Port ของผมเองเลยเเล้วกันครับ ( เเต่มีการจำลองตัวเลขนะครับ 555) เพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นตัวอย่างการใช้งานจริงๆ เเละเเนวคิดในการสร้าง Template รูปเเบบนี้ขึ้นมา
-ส่วนตัวผมนั้น จะเเยก Port ในการลงทุน Crypto ออกมาเลย ไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอื่นๆ เพื่อให้เรา Focus พอร์ตของเราได้ดีขึ้น เเละไม่ดึงเงิน จากพอร์ตอื่นไปมา เเล้วเกิดการสับสน เรียกว่าจัดให้ใช้ง่ายๆ ดูเเลง่ายๆนั้นเอง ผมพยามทำหลายๆ โมเดล จนพบว่ารูปเเบบปัจจุบันที่ใช้อยู่นี่ค่อนข้างง่ายครับ
– เเต่ก่อนที่จะเข้าสู่การจัดพอร์ตนั้น สิ่งสำคัญมากๆ คือเรื่องแหล่งที่ของเงิน ที่เราเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผมมองว่าเงินส่วนนี้ควรเตรียมเเยกไว้ต่างหาก ไม่เกี่ยวกับ Port Crypto ไม่อย่างนั้น เราจะต้องค่อยดึง ทรัพยากรจากพอร์ตมาใช้เรื่อยๆ ดังนั้นผมจึงเเนะนำให้
- เตรียมสำรองค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นรายได้ไว้ล่วงหน้า ซัก6-12 เดือน …. ตรงนี้สำคัญมากๆเลยครับ เพราะจะทำให้เราสามารถทนต่อสภาวะตลาดขาลงต่อเนื่องได้ Crypto ตอนนี้นอกจาก BTC เเล้ว ตัวอื่นๆ ยังเล่นฝั่งขาลง หรือ Short Sell ลำบาก ดังนั้นช่วงตลาดขาลง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอครับ
- เนื่องจากผมอยู่ในตลาด TFEX เเละหุ้นมาอย่างยาวนาน ผมเคยเจอภาวะ ที่ตลาดนิ่งๆ หากำไรลำบากติดต่อกันหลายเดือน เเล้วพบว่า เราจะพบกับภาวะกังวล ฟุ้งซ่านมากๆ โชคดีที่ผมมีเงินสำรองที่ Cover รายจ่าย ได้ 9 เดือน เลยทำให้ผมผ่านพ้นสถานการณ์เเบบนั้นมาได้ ( ถ้าหากเราเคยเจอสถาการณ์ที่มันยากลำบาก เเบบนี้มาเเล้ว เราจะพบว่ามันจำเป็นมากๆครับ )
- ผมจะค่อนข้างถือยาว เพราะมีรายได้หลักมาจากทางอื่นๆ ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน Fiat ในขณะนี้ เลยไม่มีการถอนเงินออกจากพอร์ตเลย ส่วนใหญ่ จึงเป็นการเปลี่ยนไปมาระหว่าง ICO กับ เหรียญหลักอย่าง ETH ซะมากกว่า ครับ
-ผมใช้ตัวอักษร A B C D เเทนเเต่ละส่วนๆ นะครับ เพื่อที่จะได้เข้าใจหน้าที่ของมันได้อย่างง่ายๆ
A: คือ Fiat Currency …. ตรงนี้ เหมือนเป็นตัวหล่อลื่น หรือว่าเสริมสภาพคล่องให้ Port เลยครับ มีความจำเป็นมากๆ ที่จะต้องมีสำรองไว้เสมอ เพราะหน้าที่ของกองกำลัง A คือ
- เอาไว้ช้อน Coin สกุลหลักในยามที่ ราคามันตกลงมาเเรงๆ ….. ถ้าเราดูกราฟย้อนหลังเราจะพบว่า Crypto จะมีการปรับฐานที่รุนเเรงกว่าตลาดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ทางการเงิน โดยส่วนใหญ่ การปรับฐานใหญ่ของ Crypto ชอบลงมาทดสอบเเถวๆ 70% ดังนั้นหากราคามันปรับตัวจากจุดสูงสุดลงมาราวๆ 60-70% ถือเป็นโอกาสดี ที่เราจะนำกองกลัง A ซึ่งเป็น Fiat เข้าไปเเลกเปลี่ยนเป็น ETH NEO หรือ BTC
- ส่วนตัวผมจะชอบเเลกเป็น ETH เก็บไว้ เพราะว่าได้ใช้เเน่นอน ในการนำมาลง ICO … ซึ่งโซนสะสม ETH ที่น่าสนใจในปัจจุบันสำหรับผมนั้นคือโซน 400 USD – 600 USD ราคามาเเถวนี้เมื่อไหร่ ถ้าผมมี Fiat เหลือ ผมจะเอามาเเลกเป็น ETH เรื่อยๆครับ เรียกว่าสะสม ไปเรื่อยๆ
- เวลาผมเปลี่ยน Fiat เป็น ETH ผมจะโอนจำนวนเงินที่ต้องการไปเเลกเปลี่ยน โดยพยามทำให้เสร็จในวันนั้นๆเลย เเล้วโอน ETH ออกจาก Exchange ไปไว้ใน Hardware Wallet หรือว่าในกระเป๋า My Ether Wallet … ผมจะไม่ชอบทิ้ง Fait จำนวนเยอะๆ หรือ ETH ไว้ใน Exchange ครับ เพื่อความปลอดภัย สบายใจ กินอิ่มนอนหลับ
B: คือ Coin สกุลหลัก….
- หน้าที่ของ B คือเอาไว้ลง ICO ดังนั้นควรมีเหรียญหลักเหลือไว้ตลอดเวลา
- ผมจะเน้นไปที่ 2 เหรียญหลักก่อน คือ ETH กับ NEO เพราะ 2เหรียญนี้เอาไว้ใช้ในการลง ICO ได้นั่นเอง ส่วนในอนาคตนั้น อาจจะต้องมีตัวอื่นๆเพิ่มเติมอย่างพวก ICON เราค่อยมาว่ากันอีกทีครับ
- ปกติผมจะถือ ETH ไว้เป็นหลัก โดยจะเปลี่ยนเป็น NEO ก็ต่อเมื่อเหรียญ NEO มันลงมาเเถวๆ โซน 0.11-0.12 ….. ผมมองว่า NEO กับ ETH 2 เหรียญนี้มันรักษาระดับกันเเละกันเสมอ โดน Zone ในการเเกว่งของ NEO จะอยู่เราวๆ 0.11-0.15 ของ ETH ดังนั้น เมื่อ NEO / ETH ลงมาต่ำๆ ผมก็อาจจะเเปลง ETH บางส่วนเป็น NEO ไว้บ้าง เผื่อว่ามี ICO ฝั่ง NEO เข้ามา
C: คือ ICO ที่เราทำการลงไปเเล้ว
- ส่วนนี้เราจะเอาไว้บันทึก เพื่อประเมินมูลค่าของมันคร่าวๆ โดยผมมักจะตีมูลค่าเป็น ETH เพื่อทำให้เราเห็นภาพรวมของพอร์ตว่ามันมีเเนวโน้มที่จะกำไรเพิ่มขึ้น หรือว่า ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยช่องที่ต้องกรอกจะมี 2 ช่องด้วยกัน ช่วงเเรกจะเป็นช่องต้นทุนที่เราซื้อ ICO นั้นๆ ส่วนอีกช่องจะตีมูลค่าเป็น ETH เเล้ว
- เราจำเป็นต้องจด ICO ทุกตัวที่เราลงทุน เพื่อที่เราจะสามารถติดตามได้่ตลอดเวลา ทั้งปริมาณเเละจำนวน ไม่งั้นเราอาจจะหลงลืม เเล้วอาจจะลืม ICO ของเราไว้ตาม Exchange หรืออาจจะสับสนว่าเรามีจำนวนเท่าไหร่เเน่
- ถ้าตัวไหนยังไม่ลงกระดานซื้อขาย ผมก็จะใส่ Value เท่ากับต้นทุนที่ลงไปก่อนครับ
- ถ้าตัวไหนที่มีราคาซื้อขายปรากฏขึ้นในกระดาน ผมก็จะเเปลงค่ามันเป็น ETH ณ ราคาปัจจุบันของมัน
- Tier นี่ผมจะทำการประเมินด้วยตัวเอง จากหลายๆที่ โดยเอาข้อมูลจากหลายๆเเหล่งมาประกอบกัน เวบBitcoin Additecd /อ.เจต / Mandy /Coinman / Crush Crypto /Gobone/ Crypto Brifing … เเล้วตีเป็น 3 Tier คือ Upper Middle Lower (ผมชอบดู Hard Cap / Model ธุรกิจ / กระเเส )
- ตัวไหนที่อยู่ Upper ผมจะถือยาวหน่อย เเละถ้าราคายังไม่ไปไหนหรือราคาต่ำลง ตรงนี้เป็นโอกาสดี ที่จะสะสมเพิ่ม …. ที่ Class นี้ผมจะเน้นถือยาวๆหน่อย
- ตัวไหน Middle คือ อาจจะต้อง Flip หรือ ไม่ได้กะถือนานมาก เรียกว่า ซื้อไปตามภาวะตลาด
- ถ้าตลาดดีๆ ICO ที่น่าสนใจ เเบบ Upper มันจะหมดไวมาก หรือไม่ก็ให้ Cap ต่อคนน้อย ทำให้เราอาจจะต้องไปเลือก Tier ลงๆมาหน่อย เป็นต้น
- ถ้า ตลาดค่อนข้างเเย่ ซึมๆ ผมจะเลือกเฉพาะ Upper ที่มีความเเข็งเเรงจริงๆเท่านั้นครับ
D คือ ICO ที่รอลง
- เอาให้เราสามารถประมาณการณ์คร่าวๆ ว่าเราจะต้องเตรียม Fait / Coin สกุลหลักเท่าไหร่
- ให้เราหา ICO ที่น่าสนใจ มาใส่ใน List ไว้ได้เรีื่อยๆ
–เราควรทำปฏิทิน ตารางเวลาข้อมูลต่างๆ สำหรับ ICO ที่เราสนใจไว้ด้วยครับ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องคอยไปตั้งคำถามซ้ำๆในกลุ่ม Line กลุ่ม Telegram ทำให้เราไม่พลาดโอกาส เวลาที่ ICO ดีๆ มาถึงเเล้วอดลง โดย ข้อมูลที่เราจะต้องรู้คือ
- ICO นั้นเปิดให้ White list ได้เมื่อไหร่
- เปิด KYC เมื่อไหร่
- ลง ICO วันไหน โดยเวลาส่วนใหญ่ที่เเจ้งไว้ใน เวบต่างๆ นั้นจะเป็นเวลา พวก UTC เราควรเเปลงเวลาเป็นเวลา ไทย เพื่อที่จะได้เตรียมตัวได้สะดวก เเละไม่ลืม ซึ่งผมจะใช้ เวบ timeanddate.com ในการเเปลงค่าเตรียมไว้ล่วงหน้าเลย
-ถ้าเราทำตารางด้วยตัวเองเเบบนี้ อาจจะเสียเวลาบ้างในช่วงเเรก เเต่เมื่อชินเเล้ว ทุกอย่างจะรวดเร็วเป็นระเบียบ เเละเราจะไม่พลาดโอกาสในการลงทุนอย่างเเน่นอนครับ
-ที่พูดมาทั้งหมด คือเเนวทางที่ผมใช้จริงอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเพื่อนๆท่านใด มีข้อสงสัย ข้อเสนอเเนะเพิ่มเติม ผมยินดีเปิดรับทุกความคิดเห็นเลยครับ
ขอบคุณครับ
ถ้าทำในส่วน D ให้เป็นตารางบนกูเกิ้ลไดร์ฟ แบบล็อคคนอื่นให้แก้ไขไม่ได้ แล้วแชร์ลิงค์ก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องทำซ้ำกันหลายๆรอบ เป็นการเสนอความเห็นนะครับ ขอบคุณครับ ^^