AdHive คืออะไร?
AdHive เป็น influencer platform ทางการตลาดที่มีการควบคุมโดย AI และเทคโนโลยี Blockchain โดย AdHive จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ว่าจ้าง(advertisers) โดยการค้นหา influencer ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่จะทำการโฆษณานั้นๆ จึงทำไม่เสียเวลาในการสื่อสารระหว่าง advertisers และ influencer และไม่จำเป็นต้องเลือก influencer หรือควบคุมตำแหน่งการโฆษณา เพราะ AdHive จะทำหน้าที่นั้นโดยอัตโนมัติจึงประหยัดเวลาอย่างมากสำหรับ Advertisers
โดยการทำงานของ AdHive จะเริ่มจาก เลือก influencer ที่เกี่ยวข้อง นำเสนองานและแจ้งเงื่อนไข ยืนยันการยอมรับข้อกำหนด เลือกตำแหน่งการลงโฆษณาให้ถูกต้อง และแจ้งการชำระเงินเมื่องานเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดเหล่านี้จะดำเนินการโดยอัตโนมัติ
ภารกิจหลักของ AdHive คือการสร้างมิติใหม่แห่งการโฆษณาโดยเพิ่มการเข้าถึงของbrandให้มากขึ้นและยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ blog ต่างๆจากการพัฒนาบทความให้ดีขึ้น เป้าหมายของ AdHive คือการกำจัด barrier ระหว่าง แบรนด์และ influencer ซึ่งถือเป็นการควบคุมรูปแบบการโฆษณาที่เติบโตเร็วที่สุด
ภาพรวมของตลาดการโฆษณา
อุตสาหกรรมโฆษณาทั่วโลกมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการใช้สื่อ digital ที่เพิ่มมากขึ้นและการเปลี่ยนรูปแบบการโฆษณา โดยสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษและเยอรมันนี ยังคงเป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายในด้านการโฆษณามากที่สุด
สื่อ digital ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาทำให้เกิด 2 เหตุการณ์สำคัญในปี 2017ที่ผ่านมา คือ
1) ค่าใช้จ่ายในสื่อ digital แซงหน้าสื่อโทรทัศน์ กลายเป็นอันดับ 1 ของโลก
2) รายจ่ายโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลได้รับคะแนน 200 พันล้านเหรียญไปถึง 228.4 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
ภายในปี 2017 ตลาดโฆษณา digital จะเติบโตขึ้น 19.1% และมีส่วนช่วยเพิ่มการโฆษณา 36.6 พันล้านเหรียญ
คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของสื่อที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดที่ใช้จ่ายชดเชยด้วยการลดลงของการพิมพ์
การโฆษณาในรูปแบบ Online VDO
อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าการบริโภคสื่อต่างๆผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โฆษณาที่ปรับเปลี่ยนได้ง่ายอย่างเช่น Online VDO และ Search ก็ปรับเปลี่ยนตัวเองไปยังโทรศัพท์มือถือเช่นเดียวกัน
จากข้อมูลของ Magna สรุปว่า Online VDO และ Social Media มีผลต่อการเติบโตของโฆษณา digital ในปี 2017 ที่ขยายตัวถึง +30% และ +32% ตามลำดับ
Online VDO กำลังกลายเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนได้รับข้อมูลและความบันเทิงตามที่ต้องการ จำนวนผู้ชม Online VDO เติบโตขึ้นถึง 8.2% และมีจำนวน 2.15 พันล้านคนทั่วโลกในปี 2017 หรือเท่ากับ 62% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด และเม็ดเงินที่ใช้ในการโฆษณา Online VDO ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 67% ตั้งแต่ปี 2015
อีกแนวโน้มที่สำคัญของตลาดโฆษณาในช่วงสองปีที่ผ่านมาคือ ความนิยมของ Social VDO ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็น 25% ของ Online VDO และมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เว็บไซต์ Social network อันดับต้นๆ ที่เป็นplatform ของ Online VDO ที่ใหญ่ที่สุด อย่าง Facebook, Instagram, Snapchat และ YouTube กำลังผลักดันให้Advertisersเปลี่ยนไปใช้ Online VDO
Native Advertising คืออะไร?
Native Advertising เป็นการโฆษณาที่ใช้รูปแบบเนื้อหาเดียวกับเนื้อหาปกติใน Platform นั้น ๆ โดยไม่ทราบว่าเป็นโฆษณาจนกว่าจะได้อ่านหรือดูจนจบ หรือได้อ่านที่มาว่ามาจากไหน หรือสนับสนุนโดยแบรนด์อะไรและ Native Advertising นี้จะทำการ Tie-in เรื่องราวของแบรนด์และสินค้า ไม่มากเกินไป จะทำให้คนอ่านหรือคนเสพสื่อนั้นรู้สึกว่าไม่ได้อ่านโฆษณาอยู่ ปัจจุบันโฆษณาในลักษณะนี้กำลังเป็นที่ดึงดูดความสนใจผู้บริโภคมากขึ้นเพราะผู้บริโภคจะรู้สึกมีส่วนร่วมและเชื่อมากขึ้น อีกทั้งยังไม่ได้เป็นการยัดเยียดโฆษณาให้กับพวกเขาด้วย
ลิงก์ศึกษาเพิ่มเติม => https://www.marketingoops.com/news/brand-marketing/strategy-brand-marketing/native-advertising/
InfluencerMarketing
การทำการตลาดผ่าน Influencer ในปัจจุบันเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงสำหรับการทำโฆษณา ซึ่งอิทธิพลของ Influencer สามารถสร้างข้อดีให้กับแบรนด์ในหลายๆอย่าง เช่น สร้าง engagement กับกลุ่มเป้าหมายได้ดี, รวดเร็วและง่ายในการสร้าง content ที่ไม่ซ้ำใคร เป็นต้น
Project Overview
AdHive คือ AI และ community platform สำหรับการโฆษณา Native VDO บนช่องทางของ influencer
ปัจจุบันมี influencer หลายล้านคนในโลก แต่แบรนด์ใช้งานได้เฉพาะในจำนวนจำกัด เนื่องจากไม่มีความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ การวัดผลที่ไม่ถูกต้องและความซับซ้อนต่างๆในตลาด ถึงแม้จะเป็นรูปแบบการโฆษณาที่ล้าสมัยไปแล้วก็ตามแต่โทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อใหญ่ของตลาดโฆษณา
ทีม AdHive ได้ตัดสินใจที่จะเปิดตัว platform ที่จะสร้างเครือข่าย influencer ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกอย่างมีคุณภาพและมีกฎที่ชัดเจน พร้อมกับมีการดำเนินการและการชำระเงินอัตโนมัติด้วย AdHive จะช่วยให้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งโฆษณาในช่องทางของ influencer จากพื้นที่ที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ไปสู่ pure media product ซึ่งเป็นพื้นที่โฆษณาที่มีมาตรฐานที่เปิดให้ซื้อโดย Media agency โดยจ่ายเป็น CPM (Cost Per Thousand)
การทำงานของ AdHive
AI และเทคโนโลยี blockchain ทำให้ platform นี้กลายเป็นที่ที่รวบรวม influencer มาเพื่อสร้างช่องโทรทัศน์เสมือนจริงในจำนวนที่เยอะมาก ด้วยวิธีการกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพและการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายที่สูงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในการโฆษณาทางโทรทัศน์
AdHive จะรวบรวมAdvertisersและ influencer บน platform โดยทำงานร่วมกับ influencer รายเล็ก ๆ หลายพันคนทั่วโลกให้มาอยู่ในช่องทางเดียว
Agency ที่ทำงานร่วมกับ influencer จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงplatform AdHiveนี้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถสร้างรายได้จาก network ที่เป็น local ของ influencer ได้และยังแชร์ blogger กับ Agency อื่นๆได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการผลักดันความต้องการสำหรับ ADH Token
AdHive จะมาแก้ไขปัญหาอย่างไร?
- ลดปัญหาในการทำงานระหว่างผู้ลงโฆษณา กับ influencer
ผู้ลงโฆษณาไม่ต้องติดต่อกับ influencer โดยตรงในเรื่องการชำระเงิน เพราะ influencer จะต้องได้รับการอนุมัติจาก AI ว่างานนั้นทำถูกต้องและถึงจะได้รับค่าตอบแทน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาด้านเวลาและปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานระหว่างผู้ลงโฆษณากับ influencer
- สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความถูกต้องในการวัดผล
สมาชิกใน community ของ AdHive (สมาชิกจะเป็นใครก็ได้ที่สนใจในการพัฒนาของ social VDO) จะช่วยให้หรือรับคำแนะนำในเรื่องคุณภาพหรือความน่าสนใจของวิดีโอ ซึ่งคำแนะนำเหล่านี้จะถูกแชร์เป็น learning ให้กับผู้ลงโฆษณาและ influencer ด้วย โดย AdHive จะเริ่มจาก YouTube, Instagram, Facebook ก่อน และจะขยายไปยัง social platform ที่ได้รับความนิยมในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้มี API ที่จะให้ข้อมูลของ audience ได้จะทำให้ผู้ลงโฆษณาเกิดคีวามมั่นใจมากขึ้นในการวัดผล
3. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
ทำให้เข้าถึงกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปีได้ดีขึ้น โดย AdHive จะรวบรวม influencer กลุ่มที่ไม่ดังมาก แต่ reach ได้กว้างขึ้น กำหนดเป้าหมายที่แม่นยำยิ่งขึ้นและราคาต่ำกว่าคนที่ดังๆ และ influencer แต่ละคนจะแชร์ stat ของ audience ในช่องทางของเขา เช่น views, likes, comments, engagement, locationของคนดูและ duration ของการดูวิดีโอให้กับผู้ลงโฆษณาเพื่อได้ดูภาพรวมของ audience จาก influencer หลายๆคน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ที่แทบจะไม่ดูสื่อโทรทัศน์แล้วแต่จะหาข้อมูลต่างๆผ่านการดูวิดีโอ
4. สร้างรายได้ที่ดีขึ้นให้ influencer
AdHive จะรวบรวม influencer กลุ่มที่ยังมีคนติดตามไม่มากแต่ใช้จำนวนหลายๆคน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่ม influencer เหล่านี้ ในขณะเดียวกันก็เป็นผลดีกับผู้ลงโฆษณาที่จะได้ reach ที่กว้างขึ้นและ cost ที่ถูกลง เพราะมากกว่า 90% ของแคมเปญในตอนนี้ใช้เงินไปกับ influencer ที่มีชื่อเสียงมาก และลงทุนน้อยกับ influencer ที่มี audience ปานกลาง
COMPETITORS
GOOGLE VIDEO ADVERTISING VS ADHIVE
ในมุมของผู้จ้างหรือ advertisers
- Adhive ค่อนข้างมั่นใจว่าจะแข่งขันเรื่องต้นทุนได้ดีกว่า หรืออย่างแย่ต้นทุนก็เท่ากัน
- ถ้าเป็นการโฆษณาสินค้าทั่วไปสามารถทำได้ดีกว่า แต่ถ้าเป็นสินค้าพิเศษ หรือมีเงื่อนไขซับซ้อนมากๆ google อาจทำได้ดีกว่า
- การเน้นด้าน Native advertising จะเป็นจุดแข็งเนื่องจากมี Growth ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นทรนในสมัยนี้
ในมุมของผู้รับจ้างหรือ influencer
- โดยปกติถ้าใช้ google pre-rolls จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 0.7$ ต่อ 1000 viewer แต่ถ้าใช้ของ AdHive จะได้รับผลตอบแทนถึง 4$(6 เท่าจากเดิม)
- เนื่องจาก AdHive เน้นไปที่ Native advertising จะทำให้โฆษณาที่ influencer นำเสนอออกไปจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ชมมากกว่า และไม่เสี่ยงกระแสตีกลับด้วย
AGENCIES VS ADHIVE
- กลุ่ม influencer ที่ Agencies เข้าไปติดต่อส่วนใหญ่จะเป็นรายใหญ่ ซึ่งตรงข้ามกับ AdHive ที่เข้าได้ถึงทุกกลุ่มซึ่งทำให้จุดนี้เป็นข้อได้เปรียบ
- เทคโนโลยี AI ช่วยทำให้ AdHive สามารถจัดหากลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมายได้มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามถ้าเป็นงานที่ซับซ้อน หรือสินค้าพิเศษอาจจะทำให้ advertisers หันไปพึงพา agency อยู่ดี
ใช้เทคโนโลยี blockchain มาช่วยซึ่งส่งผลให้ cost effective มากขึ้น และยังมี smart contract ที่ทำให้การจ่ายเงินปลอดภัยยิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดแก่เหล่า advertisers มากกว่า
ทีมงานและที่ปรึกษา (Team & Adivisor)
ผู้ร่วมก่อตั้ง (CO-Founder)
ที่ปรึกษา (Advisor)
ทีม Co-Founder ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาก แต่แอดไปสืบผลงานมาทีมผู้ก่อตั้ง มีประสบการณ์เกี่ยวกับ AI, Machine learning อยู่แล้ว เพราะเดิมทำ service platform อยู่บนเว็ป Scorch.ai ซึ่งเทคโนโลยีของ AdHive แทบจะนำเทคโนโลยีมาใช้ทั้งหมด โดยนำเทคโนโลยี blockchain เข้ามาช่วยด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องการนำเทคโนโลยี AI และ Machine learning มาใช้ค่อนข้างจะวางใจได้เพราะมีประสบการณ์ค่อนข้างมาก และทีมงานยังมั่นใจมากๆว่า AdHive เป็น application ที่ friendly user มากๆเพราะใช้ทีมพัฒนาของ WebVane(บริษัทตัวเอง) มาช่วยพัฒนา
ทีม Adivisor มีบุคคลที่มีชื่อเสียงคือ Serguei Popov ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง IOTA ส่วนท่านอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อยู่ในวงการสื่อ และโฆษณา
การขายเหรียญ (TOKEN SALE)
เหรียญในระบบมีจำนวน 450,000,000 ADH. โดยจะแบ่งออกจำน่าย 60% (Presale + Token Sale Phase #1 = 30% และ Token Sale Phase #2 = 30%)
- Presale พึงขายจบไปโดยใช้เวลาเพียง 36 นาที ขายไปทั้งหมดจำนวน 34,401,832 ADH Tokens($5,491,749)
- Token Sale Phase #1 มีกำหนดขายวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2018 ตอนนี้เปิด whitelist แล้ว แต่ยังไม่มี KYC form ให้กรอกนะครับ ทีมงานบอกให้ลงทะเบียนไว้ก่อน แล้วเดี๋ยว KYC จะขึ้นมาให้ทำทีหลัง
- Token Sale Phase #2 ขายช่วง Q3-Q4 2019
Note : เดี๋ยวจะงงว่าทำไมต้องมีขายในปี 2019 อีกรอบ ทีมงานแจ้งมาว่าที่แบ่งเป็นสองรอบเพราะเป็นการระดมทุน ให้สอดคล้องกับ Road map หมายถึงปีนี้จะใช้ทุนแค่นี้ก็จะระดมทุนแค่นี้ตาม budget ที่วางไว้ ส่วนในปี 2019 ต้องมีการใช้งบอีกครั้งจึงระดมทุนเพิ่มเติม(ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในแผน budget ใน whitepaper) ซึ่งแอดคิดว่าโปร่งใสดี มีแผนการใช้ budget ชัดเจน รวมถึงแผน roll out และ revenue forecast
ประโยชน์ของผู้ที่ถือ ADH Token
– ADH Token จัดเป็น utility token ประเภทนึงที่ทำให้เราสามารถเข้าใช้งานบน platform Adhive ได้ และเนื่องจากมันเป็นตัวกลางในการเข้าถึง service ต่างๆทำให้มันมีการหมุนเวียน และมี demand การใช้งานตลอด
– รายได้ของบริษัทจะถูกเก็บไว้ใน ADH Token เสมอ และจะถูกแปลงเป็น fiat currency เมื่อต้องใช้ทุนในการขยายโครงการ- บริษัทมีแผนจะขยายฐานลูกค้าเรื่อยๆ และมั่นใจว่าทั้ง influencers และ advertisers จะถือ ADH Token ในระยะ longterm และ medium-term ทำให้ demand เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ supply มีจำกัดซึ่งจะส่งผลต่อราคาทำให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
สรุป
สามารถลงเพื่อหวัง hype ได้ กระแสดีใช้ได้ดูจากยอด telegram 12,000+ และขาย presale หมดในเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ห้าม all-in เด็ดขาด สำหรับใครที่จะถือ long term อาจจะต้องรอดูการใช้งานจริง และกระแสตอบรับอีกสักพักถึงจะมั่นใจได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงหลายด้านพอสมควร ทั้งด้านเทคโนโลยี และคู่แข่ง
Short-term growth potential : ปานกลาง
Long-term growth potential : ปานกลาง
Investment risk : ต่ำ
แหล่งติดต่อ
Website: https://adhive.tv
Telegram: https://t.me/adhivetv
Bitcointalk: https://bitcointalk.org/index.php?topic=2393979.0
Twitter/Medium: https://twitter.com/AdhiveTv