Peter Loop รองประธานและสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์อาวุโสจาก Infosys ซึ่งขณะนี้บริษัทของเขากำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี Cryptocurrency กับ Blockchain รวมถึงการจัดการกับ API และการใช้ Cloud ในระดับองค์กร
ในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา เราได้เห็นผู้นำด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ blockchain นอกเหนือจากไมโครซอฟท์และIBMแล้ว ออราเคิลยังได้ประกาศเมื่อเดือนตุลาคมว่าจะมีการนำเสนอบริการระบบ Cloud บน Blockchain อีกด้วย ในขณะที่ SAP เองก็กำลังจะเปิดทดสอบระบบ Blockchain ของตัวเองในเดือนพฤษภาคม จากการเคลื่อนไหวเหล่านี้ เป็นที่แน่นอนว่า บริษัทอีกกว่า 500 บริษัทกำลังเตรียมตัวที่นำ Blockchain มาให้บริการกับผู้ใช้งานของเขา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของการนำไปใช้งานในปี 2017 แต่แม้กระทั่งการพัฒนาในเชิงบวกเหล่านี้ก็ยังถือว่าเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หน่วยงานของภาครัฐเองก็กำลังร่วมมือกันเพื่อค้นหาประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจาก Blockchain และก็มีผู้ประกอบการที่กล้าคิดว่าเทคโนโลยี Blockchain นี้จะสามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นใหม่ๆได้อย่างไร
แม้กระทั่งความบ้าคลั่งล่าสุดของ Bitcoin ซึ่งทำให้ชุมชนของนักลงทุนทั้งหลายตกตะลึงและก่อให้เกิดการดูหมิ่นและยกย่องชื่นชม ก็ไม่สามารถขัดขวางความก้าวหน้าของ Blockchain ได้ ในขณะที่เรากำลังติดตามการเดินทางของ Bitcoin นั้น ลองมาดูสิ่งที่เราคาดว่าจะได้เห็นกันในปี 2018
1. เอเชียและตะวันออกกลางจะผลักดัน Blockchain อย่างมาก
ความสนใจใน blockchain ยังคงสูงมากในเอเชียและตะวันออกกลาง ที่ซึ่งมีสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งกำลังมีโปรเจคที่เกี่ยวกับ Blockchain โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการชำระเงิน
2. Cyber security จะขยายการยอมรับ Blockchain
ด้วยการเพิ่มขึ้นของการโจมตี ransomware โดยเรียกร้องเป็น Cryptocurrencies เทคโนโลยี Blockchain และ IoT cybersecurity จะเกิดขึ้นพร้อมกับการป้องกันตามเทคโนโลยี Cryptocurrency
ตอนนี้อาจฟังดูแปลกตาและแปลกใหม่ การเกิดขึ้นของเครื่องมือ cybersecurity blockchain อาจเป็นเรื่องใหญ่ถัดไปในโลกของ Blockchain บริษัทโดยทั่วๆไปยังไม่มีระบบป้องกันของข้อมูล ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีความปลอดภัยมากขึ้น
3. ICOs จะเพิ่มมากขึ้น
เกิดการสั่นสะเทือนมากขึ้นกับวงการ ICOs ในปี 2017 และระบบนิเวศของ cryptocurrencies ได้ขยายออกไปอย่างมาก ในปีนี้อัตราการเติบโตของ ICO จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจะแซงหน้าการระดมทุนของ VC
4. การเงินและระบบประกันจะหายไปทั้งหมด
ภาคประกันภัยและการเงินมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี blockchain ที่ลึกซึ้ง JPMorgan กำลังจะเปิดการซื้อขาย cryptocurrency แม้จะมีความคิดเห็นแบบไวรัลของ Jamie Dimon เกี่ยวกับความถูกต้องของ cryptocurrencies
5. ระบบอัตโนมัติกำลังจะมา
Blockchain จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลขององค์กรโดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ กระบวนการแปลงข้อมูลเป็นรูปแบบดิจิทัล นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการกำกับดูแลจะยังคงเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างต่อเนื่องเช่น Bitcoin ( Segwit2x ), ethereum ( Parity Funds ) และอื่นๆเมื่อมีเรื่องท้าทายใหม่ๆเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้จะผลักดันองค์กรให้เกิด “Private” Blockchains แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจะชะลอการเจริญเติบโตของ cryptocurrencies ได้