ปี 2017 ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นปีสำหรับ cryptocurrency จริงๆ จะเห็นได้จากที่นักลงทุน ได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล โดยเฉพาะจาก bitcoin และ Ethereum
ผลตอบแทน 1000% ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ มกราคม – ธันวาคม ทำให้ bitcoin ยังคงเป็นผู้นำในตลาด แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่เข้ามาในตลาดในปี 2017 ไม่มีอะไรที่เหมือนกับผู้ที่ถือ bitcoin มาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ซึ่งผู้ที่ถือ bitcoin ก่อนปี 2014 โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 100$ – 1000$ คือผู้ชนะที่แท้จริง โดยผู้ที่เข้าถือก่อนช่วง 100$ ส่วนใหญ่จะมีเป็น 100 หรือเป็น 1000 เหรียญเลยทีเดียว และพวกเขากำได้รับมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลตามมา มีทั้งผู้ถือ bitcoin จนกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน ที่ออกตามสื่อ เช่น Winklevoss Twins และก็มีเศรษฐีพันล้านจากการถือ bitcoin ที่ยังไม่แสดงตัวอยู่เช่นกัน
ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในตลาดมาก่อนค่อนข้างจะแนะนำว่า ให้ถือ bitcoin และปฏิเสธการขายในทุกๆราคา ซึ่งก็ค่อนข้างจะปฏิเสธยากว่าวิธีการของพวกเค้ามันผิด เพราะการถือนี้เองเป็นสิ่งที่ทำให้เค้าประสบความสำเร็จ และได้รับกำไรมหาศาล
อย่าถือทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่สนใจอะไร
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในยุคแรกๆ หรือนายทุนที่รู้จักกันดีนาม Fred Wilson ยืนยันว่า นักลงทุนที่มี bitcoin จำนวนมากๆ จะฉลาดในขายทำกำไรกลับคืนบางส่วนตามรายงานของ CNBC สัปดาห์นี้
“ ถ้าคุณผ่านจุด 20 เท่า 50 เท่า หรือ 100 เท่า สำหรับการลงทุนใน crypto แล้ว มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยที่คุณจะขายกำไรออกไป 10% 20% หรือ แม้กระทั่ง 30% โดยการขาย 25% ในจุดที่คุณอยู่ และนำมันไปลงทุน ถ้าได้ 50 เท่าเมื่อไหร่ นั้นหมายความว่าเงินทั้ง port คุณจะเพิ่มขึ้น 12.5 เท่าจากเงินที่คุณนำไปลงทุนใหม่แค่ 25% ในขณะที่คุณก็ยังถืออีก 75 % ของคุณอยู่ โดยที่ไม่ได้เดือนร้อนอะไร แต่คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการขายทำกำไรไปก่อนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งมันอาจจะจริง หรือไม่จริงก้ได้ เราไม่มีทางเดาได้”
Wilson โพสใน blog ส่วนตัวของเค้าเองถึงความอยากในการบริหาร venture capitalist portfolio ใครสนใจเข้าไปอ่านต่อได้เลย
ราคาที่เปลี่ยนแปลงอย่างบ้าคลั่ง
ความเห็นของ Wilson มาถึงจุดเชื่อมต่อที่น่าสนใจ ในสามสัปดาห์ที่ผ่านมามีความสัปสนวุ่นวายในตลาดเกิดขึ้น ทั้งราคาที่ผันผวนอย่างรุนแรง การเพิ่มขึ้นของราคาอย่างบ้าคลั่ง
Bitcoin และ Ethereum ติดอยู่ระหว่างตลาดกระทิ่ง และตลาดหมี ตามที่นักลงทุนมองหาการทำกำไร และการทำ stop loss สลับไปมา
อย่างไรก็ตาม Wilson กล่าวถึงปี 2018 ว่าจะเป็นปีที่สถาบันการเงินหลักเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ในหลายๆรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น CBE และ CMOE ที่เข้าตลาดมาในรูปแบบของ bitcoin futures และตามด้วย New York Stock Exchange, NASDAQ และ Goldman Sachs ก็เตรียมการที่จะเข้ามาในตลาดเหมือนกัน และพร้อมกันกับการเพิ่มขึ้นของบัญชีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องค่อนข้างจะมีภาพที่สดใสสำหรับตลาดนี้ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของราคาเสมอ