สวัสดีเพื่อนๆชาว Bitcoin addict ทุกคนครับ เช่นเคยวันนี้แอดมินณะ จะมารีวิว ICO ที่จะเปิดระดมทุนวันที่ 16 มกราคม 2018 นี้ ที่มีชื่อว่า Insurepal (IPL token) นั้นเอง อาจจะมีใครหลายคนเห็นมาจาก Twitter ของตำนานนักปั้มอย่างนาย John Mcafee (ผมก็เป็น 1 ในนั้น555) ก็เลยลองเข้าไปติดตามดูก็พบว่าตัวโปรเจคมีความน่าสนใจหลายๆอย่างจึงนำมารีวิวกันให้ทุกคนประกอบการตัดสินใจครับ
รายละเอียดICO
รายละเอียด Token sale คร่าวๆดังนี้ครับ โดยจะมีโบนัสให้10%ในช่วง 96 ชั่วโมงแรกหรือคนที่ลงทุนมากกว่า50ETH (รายละเอียดการKYCจะมาอีกทีนึงนะครับ)
ในส่วนของ Presale ขั้นต่ำ 1ETH ได้โบนัส10% แต่จะคิดเรทของETHให้วันเดียวกับ crowdslae ไปทำ KYC whitelistได้ที่ลิงค์นี้(จบวันที่ 8มกราคมหรือจนกว่าของจะหมด 555) พอเราทำ KYC เสร็จจะมีเมลล์ตอบกลับจากทางทีมงานพร้อม ETH address ที่เราต้องโอนซึ่งทางทีมงานบอกว่าก็โอนไปก่อนได้แต่ถ้าไม่ผ่าน KYC จะ refund แต่ทางทีมงานแนะนำว่ารอให้ได้เมลล์ยืนยันก่อนจะดีกว่า และถ้าเหรียญขายไม่หมดจะเผาทิ้งนะครับ
ที่มาของโปรเจค
เรียกได้ว่าธุรกิจประกันภัยในโลกเรานั้นมีมากมายตั้งแต่การแพทย์,รถยนต์ไปถึงเกษตรกรรม ซึ่งบริษัทประกันเหล่านี้ก็มีการเก็บสถิติทำความน่าจะเป็นออกแบบให้แพ็คเกจที่ออกมานั้นสามารถทำกำไรให้กับบริษัทของตัวเอง เรียกได้ว่าส่วนแบ่งทางธุรกิจประกันนั้นสูงถึง 7trillion USD เลยทีเดียวแต่ระบบประกันแบบเดิมก็ไม่มีอะไรพัฒนามาตั้งนานแล้วรูปแบบก็คล้ายๆกันไปหมด ทำให้ทาง Insurepal มุ่งหวังที่จะเป็นบริษัทกลุ่มแรกๆที่เริ่มต้นพัฒนาประกันรูปแบบใหม่บนระบบ Blockchain โดยใช้ Social proof (หลักฐานยืนยันทางสังคม) เป็นตัวกลางสำคัญที่จะทำประกันมีราคาที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต
Social Proof
ถ้าใครยังไม่คุ้นกับคำว่า Social proof ลองนึกสภาพง่ายๆว่าในทุกวันนี้ถ้าเราต้องการที่จะหาร้านอาหารซักร้าน เราก็ใช้ app Wongnai ในการหาร้านอาหารที่มีคนรีวิวดีๆ เราถึงจะเลือกที่จะใช้บริการถ้าร้านไหนรีวิวห่วยก็ไม่ไปเหยียบแน่นอน ไม่เพียงแต่ร้านอาหารผมกล้าคอนเฟิร์มเลยว่าทุกวันนี้รีวิวเป็นอะไรที่สำคัญมากๆที่ทำให้คนๆนึงเลือกที่จะใช้หรือไม่ใช่บริการร้านค้านั้นๆเลยทีเดียว นี้ก็เป็นตัวอย่างง่ายๆที่ยกขึ้นมาให้เห็นภาพซึ่งตัว Social Proof นี้แหละที่ทาง Insurepal จะนำมาเป็นองค์ประกอบสำคัญให้กับระบบประกันแห่งอนาคตบน Blockchain
Business model
เรียกได้ว่าประกันรถยนต์แบบเก่านี้อิงราคามาจากหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ อาชีพการทำงานแต่ของ Insurepalจะขึ้นอยู่กับ Social proof ล้วนๆว่าเพื่อนไว้ใจคุณแค่ไหน เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆทาง Insurepal มี Use case 2 กรณีมาให้เข้าใจถึง Business modelครับ
Use case1 ประกันรถยนต์
จอห์นเป็นคนที่รักษากฎจราจรและเป็นนักขับที่ดีมาโดยตลอดแถมยังไม่เคยประสบอุบัติเหตุเลยตั้งแต่ขับรถแต่จอห์นก็ยังต้องจ่ายค่าประกันรถยนต์ชั้น1 ในราคาที่สูงถึง 1000$ ต่อปี เค้ารู้สึกแย่มากที่ต้องจ่ายค่าประกันที่สูงขนาดนั้น วันหนึ่งเค้าเจอประกันรถยนต์รูปแบบใหม่จาก Insurepal ที่มีประกันแบบเดียวกับแบบเก่าของเค้าแต่มีส่วนลดให้ถึง 400$ สิ่งที่เค้าต้องทำมีเพียงแค่หาผู้ยืนยันว่าเค้าเป็นนักขับรถที่ดี ทำให้เค้านึกถึงแมรี่
จอห์นจึงชวนแมรี่ให้มาเป็นผู้ยืนยันให้กับเค้าและอธิบายถึงรายละเอียดว่าถ้าแมรี่มารับประกันให้กับจอห์นด้วยบัตรเครดิต แม่รี่จะได้รับเงินจำนวน IPL token จำนวน 100$ โดยการรับประกันด้วยบัตรเครดิต การรับประกันด้วยบัตรเครดิตจะทำให้แมรี่มีโอกาสที่จะถูกตัดเงินจำนวน 550$(เงินค่าส่วนลดของจอห์น400$ ,ค่าIPL token 100$,และค่าปรับ 50$) แต่ถ้าในปีนั้นนายจอห์นไม่เกิดอุบัติเหตุเลยแมรี่ก็จะได้ IPL token ไป100$ จอห์นได้ส่วนลดค่าประกัน400$
ในส่วนของ IPL token แมรี่จะเอาไปขายต่อเลยหรือเก็บไว้ลงทุนต่อก็ได้ และจอห์นก็สามารถหาผู้รับประกันให้กับตัวเองเพิ่มเพื่อให้ได้ส่วนลดเพิ่มเช่นกัน ทีนี้ในอนาคตถ้าแมรี่อยากจะทำบ้างและจอห์นรู้ว่าแม่รี่เป็นนักขับที่ดีจอห์นก็จะมาเป็นผู้รับประกันให้กับแมรี่เพราะจอห์นเข้าใจถึงประโยชน์ของ Insurepal
Use case2 คะแนนความน่าเชื่อถือ(Trust score)
ซูซานและแอนดรูมีความสนใจในสิ่งเดียวกัน แต่อาศัยอยู่คนละซีกโลก เค้าทั้งสองคนต้องการจะทำธุรกรรมบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าแต่เค้าทั้งสองไม่ได้รู้จักและไว้ใจกันมากพอ จึงต้องมาใช้บริการของ Insurepal blockchain module สำหรับการทำธุรกรรมทางธุรกิจและให้ทั้งคู่สามารถระบุข้อตกลงเงื่อนไขของตัวเองและถ้าใครฝ่าฝืนจะต้องรับโทษอย่างสูงสุดในการละเมิดสัญญาที่ได้เขียนขึ้นตามข้อตกลงใน smart contract ของทั้ง2ฝ่าย ในส่วนนี้ก็จะสามารถมีผู้รับประกันได้เช่นเดียวกับประกันรถยนต์ซึ่งจะได้ค่ารับรองเป็น IPL token ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่เกิดปัญหาในการทำธุรกรรมทางธุรกิจฝ่ายผู้รับประกันก็จะได้ IPL tokenไป และเมื่อจบการทำธุรกรรมทุกคนจะได้คะแนนความน่าเชื่อถือ(Trust score) เพื่อใช้ในอนาคตต่อไปครับ
IPL TOKEN
มูลค่าขอเหรียญแต่ละเหรียญจะสูงขึ้นเมื่อมี demand ที่มากกว่า supply โดยเช่นเดียวกับระบบที่ทาง Insurepal วางไว้ในการนำ IPL token ไปใช้ดังนี้
- ใช้ในการซื้อประกันภัยหรือเป็นส่วนลดกับบริษัท Insurepal หรือบริษัทอื่นที่นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้
- ใช้ในการซื้อตัว platform ของ Insurepal เพื่อไปใช้ในบริษัทของตัวเองและต้องมีการสำรอง IPL token ไว้จ่ายค่าการรับประกันให้กับผู้ประกันใน Use case 1
- ในอนาคตจะมีการใช้ IPL token เป็นการจ่ายเงินให้กับอาสาสมัครที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการประเมินราคาเมื่อมีการเคลมเกิดขึ้น โดยไม่ต้องมีตัวกลางเป็นบริษัทประกันอีกต่อไป (อารมณ์ประมาณขับมอไซต์ส่ง lineman นี้ก็ขับมอไซต์ไปรับตรวจการเคลม)
จากเหรียญทั้งหมดที่มีในระบบอย่างจำกัดถ้ามีการนำระบบประกันนี้ไปใช้ในอนาคต มูลค่าต่อเหรียญก็จะมากขึ้นตามการนำไปใช้อย่างแน่นอนครับ
จุดได้เปรียบ
- Insurepal มีทีมงานที่แข็งแกร่งโดย co-founder นาย Matt Peterman มีประสบการณ์ในวงการประกันมากว่า15ปี และส่วน co-founder อีกคนนาย Tom Volk เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Adacta group ซึ่งทำplatform ให้กับบริษัทประกันในยุโรปรวมถึงระบบ ERP,CRM เรียกได้ว่ามีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและตรงสายงานด้านประกัน นอกจาก co-founder แล้วยังมีทีมงานที่พร้อมใช้งานอยู่ถึง40กว่าคน ซึ่งบางโปรเจคยังมีไม่ถึง10คนเลยด้วยซ้ำตอนเริ่มระดมทุน ICO ผมให้คะแนนจุดนี้ค่อนข้างมากครับ
- Adacta group ที่ทางมี co founderคนเดียวกันเนี่ยก่อตั้งมามากกว่า 25ปีแล้วซึ่งผมได้เข้าไปดูในเว็บ Adacta ในส่วนของ partner ก็ต้องพบกับ 2partner ในตำนานดังรูป
โดยทั้งสองเจ้าเนี้ยถึงเป็นแค่partnerในการนำproductของเค้ามาใช้ก็สามารถทำให้เกิดการ HYPE ได้แล้วแค่ข่าวลือราคายังพุ่ง ซึ่งผมมองว่าจุดนี้เป็นผลดีกับตัวโปรเจคอย่างแน่นอนครับ (ถึงแม้จะยังไม่เกี่ยวกับ Insurepal โดยตรงนะครับ) - สิทธิบัตรทาง Insurepal ได้มีการจดสิทธิบัตร model ของประกันรูปแบบใหม่นี้เรียบร้อยถ้าเกิดมันบูมมาจริงๆจะทำให้เหรียญมีมูลค่าสูงขึ้นไปอีกเพราะว่าถ้าใครอยากทำตามก็ต้องมาดีลกับทาง Insurepal (ตรวจรายละเอียดสิทธิบัตรได้ที่ลิ้งนี้)
- Marketing ผมเห็นทั้งในเว็บ cointelegraph ที่เป็นสื่อด้านคริปโตและเว็บ Thetime ที่เป็นสื่อกระแสหลักมีบทความเกี่ยวกับ Insurepal และยังมีนาย John Mcafee ซึ่งไม่รู้โดนจ้างหรือชอบจริงๆมาช่วยโปรโมทในtwitter
- การเริ่มทดลองโปรเจคจะเกิดขึ้นในปี 2018 Q3,Q4 ที่อังกฤษ ซึ่งถือได้ว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบหลายๆโปรเจคและเป็นอะไรที่ดูมีความเป็นไปได้และทำเทคโนลยี Blockchain และ smart contract มาทำให้เกิดประโยชน์ครับ
- ทีมงานมีติดต่อ Exchange ไว้แล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนแต่ผมว่าน่าจะหนีไม่พ้น3ที่(kucoin,binance,hitbtc) ก็ต้องมาลุ้นครับว่าจะเป็นที่ไหน
จุดพิจารณา
- ระบบประกันนี้เป็นระบบรูปแบบใหม่ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าที่จะเริ่มใช้และอาจจะติดแบรนด์เดิมอยู่ทำให้จับตลาดอาจจะยากต้องมีทีมงานมาร์เก็ตติ้งที่ดีจึงจะทำให้โปรเจคประสบความสำเร็จ
- นาย John Mcafee ซึี่งแกก็ผีเข้าผีออกไม่รู้จะมาไม้ไหนถ้าช่วยซับพอร์ตตัวโปรเจคไปตลอดก็ดีไปถ้าไม่นี้ก็อาจเกิด panicขึ้นได้เวลาเหรียญขึ้นกระดานเทรดแล้ว
ถาม-ตอบ
Q: ใครจะมายอมเป็นผู้ประกันเพราะได้เงินแค่100$แต่มีโอกาสเสียเงินถึง550$?
Co-founder: นึกตัวอย่างง่ายๆอย่างระบบค้ำประกันเงินกู้ เฉกเช่นเดียวกับระบบนี้ถ้าเรามั่นใจในตัวคนที่เราค้ำประกันโอกาสเกิดปัญหาก็น้อยมากๆเพราะจากสถิติแล้วกำไรของบริษัทประกันก็มาจากลูกค้าชั้นดีที่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือว่าถ้าเป็นคนที่ไว้ใจได้มากหรือคนในครอบครัวเราก็ค้ำประกันให้กันเองซึ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุจริงๆก็เอาเงินส่วนลดมาจ่ายอยู่แล้วส่วนเกินบริษัทประกันก็ต้องจ่ายให้ แต่ถ้าไม่ก็ได้ส่วนลดพร้อมเหรียญฟรีๆ วินๆทั้งสองฝ่ายครับ
Q: ทำไมถึงคิดว่าระบบประกันแบบใช้ Social proof ดีกว่าระบบประกันแบบเก่า?
Co-founder: บอกเลยว่าประกันชั้น1แบบเก่าที่ทุกคนใช้อยู่ไม่มีใครแคร์ แค่รอยเฉี่ยวเล็กๆที่คุณทำให้มันเกิดขึ้นระหว่างจอดรถคุณก็เคลมเลย นั้นเป็นส่วนนึงที่ทำให้ราคาประกันชั้น1มีราคาแพง แต่ถ้าเกิดมีความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นกับเพื่อนคุณหรือคนในครอบครัว มันจะทำให้ผู้ทำประกันขับระวังขึ้นหรือไม่เรียกร้องในความเสียหายเล็กน้อยกับทางบริษัทเพราะกลัวเพื่อนเสียเงินซึ่งจุดนี้ในมุมมองของผมมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างมากในโลกของเรา
Q: ทำไมถึงเลือกใช้ Blockchain?
Co-founder: ระบบของเราอยากที่จะมีความโปร่งใสไม่ผ่านตัวกลางและการใช้เทคโนโลยี smart contract ที่สามารถต่อยอดให้กับโปรเจคในอนาคตได้อย่างมากมาย อีกทั้งการใช้ Token มีประโยชน์มากกว่า USD ในหลายๆอย่างเช่นการดูคะแนน trust score ผ่านธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นต้น
สรุป
ICO ในความคิดเห็นผม ค่อนข้างชอบทีม,ประสบการณ์การทำงานที่พร้อมและไอเดียในการทำโปรเจค ทำให้ตัวโปรเจคดูมีความเป็นไปได้ในการใช้งานจริงในอนาคตอันใกล้นี้ ก็ลองพิจรณากันดูกับ Insurepalครับ บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ก่อนจะทำการลงทุนอะไรควรศึกษาด้วยตนเองก่อนนะครับ ตามสโลแกนของเพจนะครับ จัดตามแอด homeless soon!!
