Ronnie Moas ได้ปรับราคาเป้าหมายของ bitcoin ในปี 2018 ไว้ที่ 11,000$ (366,000 บาท)
Moas ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ตลาด Crypto ที่ Standpoint Research เชื่อว่าการเปิดตัวสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ Bitcoin Futures จากกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า CME Group จะช่วยเร่งการปรับตัวของราคา Bitcoin ทั่วโลกให้ดีขึ้น
“ทุกวันมีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเหรียญ Crypto ประเทศต่างๆ กำลังเข้าหามันมากขึ้น และอุปสรรคบางอย่างที่เป็นตัวขัดขวางจะล้มลงเหมือนโดมิโน” กล่าวโดย Moas
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Moas ได้เพิ่มราคาเป้าหมายของ Bitcoin ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเขาตั้งเป้าหมายราคา Bitcoin ที่มูลค่า 5,000$ ซึ่งต่อมาได้เพิ่มขึ้นเป็น 7,500$ ในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น Q3 ขณะนี้ราคาของ Bitcoin ปรับเข้าสู่ราคาเป้าหมายแล้วของเขาแล้ว เขาได้เขียนบันทึกย่อให้คำแนะนำกับลูกค้า Standpoint ว่า เขาเชื่อว่าราคา Bitcoin จะอยู่ที่ 11,000$ ในปีพ. ศ. 2561
แต่ Moas ไม่คิดว่า Bitcoin จะหยุดอยู่ที่นั่น เขาคาดว่าภายใน 10 ปีอย่างน้อย 1% ของทุนทั้งหมดประมาณ 200 ล้านล้านเหรียญจะย้ายไปอยู่ในสินทรัพย์ของ crypto และสมมติว่า Bitcoin มีส่วนแบ่งการตลาด 50% ของตลาด Crypto ราคา Bitcoin จะอยู่ที่ประมาณ 50,000$ (1,663,500 บาท) นั่นคือการประมาณการของเขา
Moas กล่าว “ถ้าเป้าหมายต่อไปที่ไกลกว่านั้นของตลาด Crypto ของฉันเป็นจริงแค่ 2% ภายใน 5 ปีซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรม Crypto มีมูลค่าถึง 4 ล้านล้านเหรียญ และส่วนแบ่ง Bitcoin จะอยู่ที่ 2 ล้านล้านเหรียญ (ถ้ามีส่วนแบ่งการตลาด 50%) ราคา Bitcoin จะอยู่ที่ 120,000$ (4,000,000 บาท)”
Bitcoin ไม่ใช่ฟองสบู่
Moas กล่าวถึงบทวิพากษ์วิจารณ์ล่าสุดของนักการเงิน แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงของ Goldman Sachs Lloyd Blankfein กล่าวว่าเขา เปิดใจสำหรับ Bitcoin แต่นักลงทุนชั้นนำอื่นๆ ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก UBS ได้เรียกตลาด Bitcoin ว่า “ฟองสบู่เก็งกำไร” ในขณะที่ JPMorgan ผู้บริหารของ Jamie Dimon ได้กล่าวโจมตี Bitcoin ว่าคือ “การหลอกลวง”
Moas เขียนว่าการวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ไม่ได้ขัดขวางเขาจากมุมมองที่เป็นบวกของเขาต่อ Bitcoin
“เราจะคาดหวังอะไรกับสิ่งที่พวกเขาพูด?” Moas กล่าวว่า “พวกเขาเหล่านั้น กำลังลงทุนอย่างมากในธุรกิจธนาคาร ที่ซื้อขายแต่ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังถูกคุกคามโดย cryptocurrency แต่ Bitcoin ไม่ใช่การหลอกลวงและไม่ได้อยู่ในฟองสบู่ คุณมีโอกาสที่จะพบการหลอกลวงและฟองสบู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯได้มากกว่าอีก”