ย้อนกลับไป ขั้นตอนพัฒนาชิพขนาด 55nm ถึง 28nm ถือว่าเป็นความก้าวหน้าระดับสูง ASIC สมัยใหม่บางตัวเช่น BW-L21 ใช้ชิพขนาด 28nm และมีค่า Hash rate ที่น่าประทับใจ
ปัจจุบันเรามี ASIC ขนาด 14nm เช่น Innosilicon A4 Dominator สำหรับ Scrypt และ Ebit E9 Miner สำหรับ Bitcoin Asicเหล่านี้มีอัตรา Haserate / Kilowatt ที่ดีกว่า ASIC ที่ใช้ชิพขนาดใหญ่
ตามที่คาดไว้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เห็นได้ชัดว่า เหล่าบริษัทไอทีกำลังรีบเร่งที่จะเริ่มผลิตชิพและฮาร์ดแวร์ 7nm ที่จะอิงตามข้อมูลเหล่านั้น
คู่แข่งทั้งสี่ราย ได้แก่ Samsung, Intel, TSMC และ Global Foundries หลังจากลงทุนกว่า 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการพัฒนาชิพ 7nm Samsung เป็นผู้นำในการแข่งขันนี้และสามารถขนาดได้เล็กกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
GMO เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
บริษัท ส่วนใหญ่คาดว่าจะเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์จากชิพ 7nm ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2018 ตัวอย่างเช่น AMD ประกาศว่าจะปล่อย “Starship” ในปี 2018 ซึ่งเป็น GPU 7nm ที่มี 48 Cores แล้ว Asic ขนาด 7nm สำหรับ Bitcoin และ cryptocurrencies อื่นๆล่ะ
เมื่อเร็วๆนี้ จีเอ็มโอ (GMO) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตและผู้จัดจำหน่าย Bitcoin ของญี่ปุ่นประกาศว่ากำลังร่วมมือกับหนึ่งในสี่บริษัทดังกล่าว เพื่อพัฒนา ASIC ใหม่ซึ่งจะใช้ชิพ 7nm
ข่าวดีก็คือ – จีเอ็มโอจะขาย ASIC เหล่านี้ต่อสาธารณชน
ข่าวร้ายก็คือ – บริษัท ยังจะสร้างฟาร์มทำเหมืองของตนเองในยุโรปตอนเหนือ แผนของพวกเขาคือมีชิพ 7nm จำนวน 50,000 ชิพเพื่อให้กำลังการผลิตรวม 500 petahashes ต่อวินาที (PH / s) เมื่อสร้างเสร็จฟาร์มจะเกิด difficult bomb และกลายเป็นหนึ่งในสิบของ Mining Pool Bitcoin ในโลก
การมีพื้นฐานที่มั่นคงดังกล่าว เป็นไปได้มากที่ GMO จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขาและกลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการทำเหมืองแร่ และนี่ก็เป็นข่าวร้ายสำหรับนักขุดด้วยเชนกัน
ลองมาเจาะลึกเรื่องดีๆกันบ้าง
GMO ASIC สำหรับ BITCOIN
ตามประกาศอย่างเป็นทางการ ASIC ที่กำลังจะมาถึงจะมีกำลังการผลิต 10 TH / s ที่มีกำลังไฟเพียง 500 วัตต์และคาดว่าจะมีประสิทธิภาพเป็นสองเท่าของ Antminer S9 ของ Bitmain ซึ่งส่งผลให้มีกำลังไฟ 14 TH / s ที่มีกำลังไฟ 1,372 W.
นอกจากนี้เนื่องจาก GMO มีฐานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเราอาจคาดหวังว่าการบริการลูกค้าที่ดีขึ้นและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น การใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยก็หมายความว่า ASIC ของจีเอ็มโออาจเป็นราคาแพงที่สุดในตลาด
ความคาดหวัง
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องกันว่าชิพขนาด 7nm จะนำการทำเหมืองแร่ไปสู ระดับใหม่ อย่างไรก็ตามความเห็นส่วนบุคคล ยังไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะใหญ่อย่างที่คาดกันหรือไม่
เพราะหากมองย้อนกลับไปในช่วงที่ Asic 14nm เป็นที่นิยม ยกตัวอย่างเช่น A4 Dominator โดย Innosilicon คาดว่าจะมีแรงขุดทีี่ 850 MHS / Kilowatt / Hour เมื่อใช้ขุด Scrypt ซึ่งมันน่าตื่นเต้นมาก ซึ่งรุ่นก่อนน้ามีความสามารถเพียง 1/10 ของมันเท่านั้น
ตอนนี้ A4 Dominator ได้รับการปล่อยออกมาแต่มีแรงขุดเพียง 25% ของการคาดการณ์ไว้ ยังไงก็ตามมันก็ยังมีการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ 28nm ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตมากก็ตาม
ทำไมต้อง MHS / Kilowatt ไม่ใช่ MHS / Dollar?
สังเกตุได้ว่าเราจะใช้หน่วย MHS / KWS แทน MHS / Dollar เราเข้าใจว่า ROI (Return of Inveestment) ขึ้นอยู่กับราคาการผลิตของชิพใหม่และฮาร์ดแวร์
ชิพที่มีขนาดเล็กกว่าผลิตได้ยากกว่าชิ้นส่วนที่ใหญ่กว่าซึ่งเป็นเหตุผลที่คาดว่า ASIC แบบ 7nm จะมีราคาแพงกว่า
อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าชิพ 7nm จะยังไม่ออกมาในเร็วๆนี้ เพราะเรากำลังจะเข้าสู่เพดานของกฎหมายของมัวร์(Moore’s Law) ขั้นตอนต่อไปหลังจากชิพ 7nm จะเป็นชิพ 5nm ตอนนี้เพื่อผลิตชิพ 5nm และทำให้ราคาสมเหตุสมผลอุตสาหกรรมของเราต้องสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญบางอย่าง คงยากเกินไปที่จะคาดหวังว่าให้เกิดขึ้นไในปี 2018 หรือ 2019
เชื่อว่าชิพ 7nm อาจกลายเป็นจุดที่ลงตัวสำหรับ ASIC ในอีกสองปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าเนื่องจากเรากำลังพูดถึงประเภทของการลงทุนระยะยาว ราคาเริ่มต้นไม่สำคัญเท่าการบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายไฟฟ้า
สรุป
เชื่อว่าชิพ 7nm จะก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่ก้าวกระโดด มากที่สุดเราสามารถคาดหวังการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน 100% เมื่อเทียบกับชิพ 14nm ในความเป็นจริงตัวเลขที่เราอาจได้รับอาจเป็นเพียง 70%, 50% หรือ 25% เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ Innosilicon A4 Dominator
ในขณะที่เราทุกคนยอมรับว่าประสิทธิภาพพลังงาน 25-100% ก็ยังดีและคงไม่ได้ถึงขั้นทำให้เกมส์เปลี่ยนได้
นอกจากนี้เป็นการยากที่ ASIC 7nm ที่กำลังทำให้เกิด dificult bomb ชิพ 14nm จะไม่หายไปในทันที Diffcult Bomb ที่แท้จริงน่าจะเกิดจาก ฟาร์มจีเอ็มโอในตอนเหนือของยุโรปมากกว่า
ที่มา : http://1stminingrig.com