นักพัฒนาของ Bitcoin Core ยังคงต่อต้านแผนการของ SegWit2x อย่างไม่หยุดยั้งแม้ว่าจะมีการปรับใช้โซลูชันการปรับขนาดที่พวกเขาต้องการอย่าง Segregated Witness เมื่อไม่นานมานี้
SegWit2x ได้รับการประนีประนอมที่เกิดจากข้อตกลงนิวยอร์ก ซึ่งเรียกร้องให้มีการใช้งาน SegWit ในทันทีโดยจะเพิ่มขนาด Block ขึ้นเป็นสองเท่าในเดือนพฤศจิกายน
กลุ่ม SegWit2x นั้นได้รับการสนับสนุนดังนี้ :
58 บริษัท ที่ตั้งอยู่ใน 22 ประเทศ
83.28% ของ Hashing Power ทั้งหมด
มีปริมาณธุกรรม 5.1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน บน chain ของกลุ่ม
มีกระเป๋าเหรียญ bitcoin ในระบบ 20.5 ล้านกระเป๋า
นักพัฒนาของ Bitcoin Core ยังคงไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ พวกเขายังคงพิจารณาว่าการเพิ่มขึ้นของขนาด Block ใดๆ จะเป็นการ Hard fork เหรียญBitcoin ออกจากเหรียญBitcoin ที่แท้จริง
ความตึงเครียดบานปลาย
การ lock-in SegWit ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้อาจจะช่วยลดความตึงเครียดลงมาบ้าง ซึ่ง SegWit จะทำให้เกิดรากฐานในการสร้างโซลูชันการปรับขนาดสูงสุดของ Block อย่าง the lightning network เพื่อรักษาสันติภาพ Bitcoin Core ก็ต้องยอมรับการเพิ่มขนาดของ block ที่จะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามกลุ่ม Bitcoin Core ปฏิเสธที่จะประนีประนอม เมื่อ 2 วันก่อนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Bitcoin Core ได้ประกาศอย่างเป็นลางไม่ดีว่า ไคลเอ็นต์ของ Bitcoin Core จะไม่เชื่อมต่อกับโหนดที่ใช้ SegWit2x อีกต่อไป ซึ่งถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง อาจมีผลกระทบร้ายแรงกับเหรียญ Bitcoin
แม้ว่านักขุดจะเป็นคนเขียนบล็อก ไปยัง blockchain แต่จำนวนโหนดที่นักขุดทำงานก็มีส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของทุกบัญชีทั้งเครือข่าย เมื่อนักขุดสร้างบล็อกใหม่ โหนดบนเครือข่ายของ Bitcoin จะเผยแพร่บล็อกเหล่านี้ให้กับผู้ใช้งานทั้งหมด
ด้วยการประกาศล่าสุดของกลุ่ม Bitcoin Core แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเล็กๆ แต่ก็มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของทั้งเครือข่าย นักขุดเหมืองยังคงเขียนบล็อกของตนไปยังเครือข่ายได้ แต่โหนดที่เรียกใช้ไคลเอ็นต์ของ Bitcoin Core จะส่งต่อบล็อกไปยังโหนดอื่นๆ ที่เรียกใช้ไคลเอ็นต์เดียวกันเท่านั้น ซึ่งโหนดของ Bitcoin Core จะไม่พูดคุยกับโหนดที่เรียกใช้โค้ด SegWit2x อีกต่อไป สิ่งนี้จะทำให้เครือข่ายช้าลง และลดระดับของการกระจายอำนาจของเหรียญ Bitcoin
เดือนพฤศจิกายนแห่งความเกลียดชัง
ตราบเท่าที่โหนดทั้งหมดยอมรับบล็อกที่ผลิตโดยนักขุด ระบบเครือข่ายจะดำเนินต่อไปตามปกติ
ในทำนองเดียวกันตราบเท่าที่ SegWit2x อ้างว่า 83.28% ของแรงขุด Bitcoin ทั่วโลก เลือกที่จะ Hard Fork ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ในเชิงเทคนิคมันก็ควรจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
ความท้าทายที่แท้จริงคือการสร้างแบรนด์ “Bitcoin” ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่นิยมใช้งานจริงๆคือคนของกลุ่ม Bitcoin Core ซึ่งมีการใช้ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นโดย Satoshi แล้วส่งลงมาให้ Gavin Andresen และขณะนี้ได้รับการดูแลโดย Wladimir Van Der Laan อีกที
วันแห่งความสับสน
มีความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้บิทคอยน์ และธุรกิจบางแห่งอาจมองเหรียญของ Bitcoin Core เป็น Bitcoin ที่แท้จริงแม้ว่าจะมีการสนับสนุน SegWit2x จากนักขุด ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์นี้จะทำให้ทั้งตลาดเกิดความสับสนอย่างมาก
อย่างไรก็ดียังมีโอกาสที่การเพิ่มขนาดของ block จะไม่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ที่มีการประนีประนอมกัน SegWit2x มีเสียงสนับสนุนประมาณ 40% เท่านั้น และอีก 40% ที่ให้การการสนับสนุน SegWit ซึ่งเมื่อรวมกันเสียง 80% นี้จึงทำให้เกิดการ lock-in SegWit แบบเป็นเอกฉันท์ แต่สำหรับ SegWit2x นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอนนี้นักขุดเหมืองได้ lock-in SegWit เพื่อโซลูชันในการปรับขนาดที่ต้องการเท่านั้น เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาไม่ยอมละทิ้ง New York Agreement คือคำสัญญาของพวกเขา
ที่มา : cointelegraph.com
